สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 28 ธ.ค.66 เปิดฉายาสภา-ลูกทอดทิ้งอาม่า-เก็บค่า รฟฟ.ส่วนต่อขยายสีเขียว

โดย thichaphat_d

28 ธ.ค. 2566

41 views

1. พม.พา อาม่า มาพบลูกที่ทอดทิ้ง แต่ไม่พบตัว

พม.พา อาม่า วัย 84 ที่ถูกลูก 4 คน ทอดทิ้ง เดินทางมาหาลูกสาวคนสุดท้ายที่บ้านพักย่านพระราม 2 หวังปรับความเข้าใจ ทำอาม่า ไม่ยอมลงจากรถ พอกดกริ่งก็ไม่มีคนตอบรับ อาม่าร่ำไห้ ลูกคนนี้ อดมื้อกินมื้อส่งเสียให้เรียนสูงที่สุด ทั้งที่ตนไม่รู้หนังสือ เคยมาหาบ่อยครั้ง เพราะคิดถึงอยากเจอหน้า นั่งรอทั้งวันก็ไม่ได้พบ

ชาวบ้าน เผยเคยเห็นอาม่ามารอที่หน้าบ้านลูกสาวบ่อยครั้ง บางครั้งต้องนั่งรอทั้งวันทั้งคืน จนกลับไปตอนเช้า บางครั้งได้ยินเสียง ลูกเขยต่อว่าอาม่าบ้าง ทำหลายคนไม่กล้าเข้าไปยุ่ง

พม. พร้อมเป็นสื่อกลางปรับความเข้าใจ ตอนนี้อาม่าเดินไม่ค่อยไหว มีปัญหาเรื่องกระดูก และจำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งต้องได้การเซ็นรับรองจากลูก

2. หนังคนละม้วน! อดีตสามีโต้ไม่ได้ทำร้ายภรรยาวันหย่าจนตาแทบบอด

สาวร้องถูกสามีทำร้ายนาน 4 ปี เกินทนขอหย่า ถูกกระทืบหน้าอำเภอ ใช้เล็บจิกที่เบ้าตาซ้าย จนเปลือกตาฉีก ต่อมน้ำตาแตก ด้านสามีโต้ไม่เคยใช้ความรุนแรง แค่ด่ากันที่จะหย่า เพราะจับได้ฝ่ายหญิงแอบคุยกับคนอื่น เหตุหน้าอำเภอแค่กอดรัด ใช้มือจับศีรษะ เพื่อห้ามปรามเท่านั้น

3. ตร.ใช้กระสุนยางสยบหนุ่มคลั่ง ทุบกระจกรถพัง 3 คัน ขู่เผาตัว

ระทึก! ชายคลั่ง ทุบกระจกรถ ผอ.และ ชาวบ้านพังไป 3 คัน วิ่งหนีเข้าบ้าน ถือถังพ่นยาฆ่าหญ้า ควงมีดดาบ วิ่งใส่เจ้าหน้าที่ ขู่หากเข้ามาจะเอาน้ำมันเผาตัวเอง ผกก.ไชยวาน ลุยเองใช้กระสุนยางสยบ เจ้าตัวอ้างไม่ได้ก่อเหตุ แต่เป็นทหารของพระเจ้าตาก ผอ. ไม่เอาเรื่อง ถือฟาดเคราะห์ก่อนปีใหม่ ฝากเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นกรณีพิเศษ ยังดีที่ไม่ทำร้ายใครตาย

4. น้ำท่วมชายแดนใต้ยังวิกฤต มีคนเดือดร้อนกว่า 1 แสนคน

น้ำท่วมชายแดนใต้ยังวิกฤต อ.สายบุรี ปัตตานี ยังหนักบางจุดท่วมสูง 3 เมตร พบอาสาถูกน้ำซัดสูญหาย 1 ราย แม่ทัพภาค 4 บินตรวจน้ำท่วมเจาะไอร้อง นราธิวาส พบมีน้ำท่วมเป็นวงกว้าง พร้อมเยี่ยมผู้อพยพใช้วัดเป็นที่พักชั่วคราว มีประชาชนเดือดร้อนแสนกว่าชีวิต และพบร่างทั้ง 4 ชีวิตที่ประสบเหตุเรือที่อับปางระหว่างหนีน้ำท่วมแล้ว

5. สาวใจเด็ด! ใช้มุกขอสแกนเงิน ฉวยโอกาสชิงทอง 2 บาท

วงจรปิดชัดแจ๋ว! สาวใจเด็ดบุกชิงทอง 2 บาทกลางเมืองบุรีรัมย์ ใช้มุกใหม่เลือกทองแล้วขอสแกนจ่ายเงิน สบโอกาสเดินออกจากร้านซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีอย่างไว ตำรวจมั่นใจหลักฐานมัดตัวแน่น จับได้แน่นอน ชี้ตั้งใจก่อเหตุร้านที่มีผู้สูงอายุขาย

6. ลุยจับลิงแสม หัวโจกเขาวัง 200 ตัว หลังชาวบ้านเดือดร้อนหนัก

กรมอุทยาน ระดมทีมจับลิงแสมพื้นที่เขาวัง วางกรง 3 จุดตั้งแต่เช้ามืดยันบ่าย จับลิงหัวโจก 200 ตัว ทำหมัน จัดที่ให้อยู่ถาวร หลังชาวบ้านเดือดร้อนหนักถูกฝูงลิงบุกรื้อข้าวของในบ้าน ร้านค้าเดือดร้อน ลูกค้าไม่กล้าจอดรถซื้อขงเพราะถูกลิงรังควาญ

7. กทม.ประกาศเก็บค่ารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีเขียว 2 ม.ค.67

ปีใหม่ไม่ฟรีแล้ว! กทม.ประกาศเก็บค่าโดยสาร รถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้ง 2 เส้นทางช่วงแบริ่ง - เคหะสมุทรปราการ 9 สถานี และ ช่วงหมอชิต-คูคต 16 สถานี ตลอดสายราคา 15 บาท ดีเดย์ 2 ม.ค. 67



เรื่องเล่าการเมือง

-สภาได้ฉายา "สภาลวงละคร" - วุฒิสภา "แตก ป. รอรีไทร์"


หลังจากวันก่อนนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลเปิดฉายาฝ่ายบริหารไปแล้ว เมื่อวานนักข่าวประจำรัฐสภาเปิดฉายาฝ่ายนิติบัญญัติ เข้มข้นไม่แพ้กัน

เริ่มจาก "สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "สภาลวงละคร" ซึ่งมาจากการจัดตั้งรัฐบาล มีแต่การหักเหลี่ยมเฉือนคม ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลที่เคยเป็นฝ่ายเดียวจับมือต่อสู้กันมาก่อน จนถึงขั้นฉีกเอ็มโอยู จากก่อนหน้านั้นกอดคอกันอย่างหวานเจี๊ยบ เปรียบเสมือนโรงละครโรงใหญ่ ที่มีแต่ฉากการหลอกลวง

"วุฒิสภา" ได้รับฉายา "แตก ป. รอ Retire" ล้อมาจากฉายาของวุฒิสภาในปี 2565 คือ "ตรา ป." ที่ สว.ทำหน้าที่รักษามรดก คสช. เพื่อประโยชน์ของ 2 ป. คือ ป.ประยุทธ์ และ ป.ประวิตร แบบไม่มีแตกแถว แต่ในปีนี้ทั้ง 2 ป. ได้แยกทางกันในการลงมติเลือกนายกฯ และ กำลังจะหมดอำนาจหน้าที่ในเดือน พ.ค. 2567 จึงเสมือนการรอเวลาเกษียณ

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "(วัน) นอ-มินี" เนื่องจาก ตำแหน่งนี้เป็นที่แย่งชิงของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมาก่อน ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา มาเป็นประธานสภาฯ จึงเป็นเสมือนนอมินีของการแย่งชิงครั้งนี้ และยังเคยเป็นคนของพรรคเพื่อไทยมาก่อนด้วย

นายพรเพชร วิชิตชลชัย "ประธานวุฒิสภา" ได้รับฉายา "แจ๋วหลบ จบแล้ว" คำว่าแจ๋ว เปรียบเสมือนบทบาทของผู้รับใช้ ซึ่งเกือบ10 ปีที่ผ่าน นายพรเพชร ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดว่า เป็นผู้รับใช้ คสช. แต่เมื่อเข้าสู่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง นายพรเพชรในฐานะประธานวุฒิสภา พยายามหลบแรงปะทะ ไม่แสดงความเห็นที่เสี่ยงต่อการสร้างความขัดแย้งมากนัก รวมถึงไม่ออกสื่อ เพื่อรอเวลาวุฒิสภาหมดวาระในเดือน พ.ค. 2567

ดาวเด่นไม่มีผู้ใดเหมาะสม ส่วน "ดาวดับ" คือ "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ชนะเลือกตั้งแต่ไม่ได้เป็นนายกฯ แถมถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งแขวน ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ จากคดีหุ้นไอทีวีที่ยังลูกผีลูกคน จากเป็นดาวที่เคยจรัสแสง ตอนนี้ได้ดับลงแล้ว

"วาทะแห่งปี66" ได้แก่ วาทะของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่พูดในวันเลือกนายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 66 เรื่องการจับมือกับพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลในตอนแรก ที่มีการบอกว่า "ถ้าไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พรรคเพื่อไทยไม่มีทางจับมือกับพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาล เราเป็นพรรคอันดับสองสามารถที่จะแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาลได้...ด้วยสภาพบังคับของรัฐธรรมนูญ เราไม่ร่วมมือกันไม่ได้ แต่เราก็คิดผิดเพราะว่ายิ่งเราจับมือกันยิ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้"

"เหตุการณ์แห่งปี" คือ "เลือกนายกรัฐมนตรี" ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่มีการเลือกนายกรัฐมนตรีมากถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่นายพิธา แต่ได้เสียงเห็นชอบไม่ถึง 376 เสียง และไม่สามารถเสนอชื่อซ้ำได้ในครั้งที่สอง จนพรรคก้าวไกลต้องส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย และสุดท้ายพรรคเพื่อไทย ไปจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี



-วันนอร์ ไม่โกรธสื่อตั้งฉายา ลั่น ไม่ได้เป็นนอมินีพรรคใด

ส่วนความเห็นของผู้โดนตั้งฉายา มีตั้งแต่ ประธานวันนอร์ ที่ยืนยัน ไม่ได้เป็นนอมินีพรรคใด แต่ทำหน้าที่ตามกลไกสภา

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้ฉายา "(วัน)นอ-มินี" เพราะถูกมองว่าเป็นนอมินีของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนมาทำหน้าที่เป็นตัวกลางไม่ได้เป็นนอมินีของพรรคใด เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เป็นไปตามกลไกของสภา เพราะประเทศจะขาดรัฐบาลไม่ได้

ขณะที่ประธานวุฒิสภา "พรเพชร วิชิตชลชัย" ที่ได้ฉายา "แจ๋วหลบ จบแล้ว" ยันยังทำหน้าที่ตลอด ไม่ได้หลบ แต่ยอมรับว่าการจะพูดอะไร ต้องระมัดระวัง แต่หากหมดหน้าที่แล้ว ถ้ารีไทร์แล้ว ตนคงจะพูดได้มากกว่านี้ก็ได้ จะพูดในสิ่งที่คิด / ช่วงที่เหลืออยู่ก็จะทำต่อไปไม่มีวันหยุด

ส่วนนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข กล่าวขอบคุณสื่อสภา ที่ยกคำพูดเป็นวาทะแห่งปี และเมื่อวาน นพ.ชลน่าน ก็ยังคงย้ำถึงที่สิ่งที่พูดเรื่องไม่จับมือพรรคก้าวไกล ว่าเป็นการพูดอิงตามระบบรัฐสภาปกติ ที่พรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ล้วนแข่งกันจัดตั้งรัฐบาล



-เศรษฐา ไม่เห็นด้วย จ่อรื้อยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

ส่วนท่านนายกฯ เมื่อวานนี้ประกาศชัดๆ ไม่เห็นด้วยกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ซึ่งถ้าจำกันได้ เริ่มมาจากสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์) โดยขอให้พิจารณาทบทวน และปรับให้ยืดหยุ่น เท่ากันยุคสมัย ก็ชี้ว่าเป็นการล็อกตัวเองยาวเกินไป และ มองว่าไม่ควรผูกมัดอนาคต ด้วยความคิดของคนรุ่นเก่า

เมื่อวานนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 2/2566 ก็มีประเด็นที่น่าสนใจ หลังท่านนายกฯ ได้กล่าวก่อนเริ่มประชุม พูดถึงยุทธศาสตร์ 20 ปี ว่า ตนไม่เชื่อกับการวางแผน และล็อกตัวเองไว้ยาวนานเกินไป ก็บอก อย่าว่าแต่ 20 ปี แม้แต่ 5 ปี ก็ยังทำยาก จึงย้ำว่าจำเป็นต้องทบทวน และยืดหยุ่นตามสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง พร้อม ฝากที่ประชุมช่วยกันพิจารณารูปแบบที่เหมาะสม เพื่อให้การพัฒนาของลูกหลานในอีก 20 ปีข้างหน้า ไม่ถูกผูกมัดด้วยความคิดของคนรุ่นเก่า

ขณะที่ช่วงบ่าย มีบรรยากาศท่านนายกฯ เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า มาพูดคุยกับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ ที่ห้องทำงาน (รังนกกระจอก 2) อย่างเป็นกันเอง

ช่วงนึง ก็ตอบคำถามเรื่องการนอนพักค้างคืนที่ทำเนียบ ว่าตอนนี้ให้ทีมงานเซตว่าจะนอนวันไหน หากเป็นวันที่ 2 มกราคม นอนได้หรือไม่ แต่อย่างไรอาจจะต้องดูฤกษ์ก่อน ส่วนทีมงานจะต้องมานอนด้วยหรือไม่ ท่านนายกฯ พูดติดตลกว่า “ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน”


-นายกฯ แจงโยกพีระพันธุ์ คุมยุติธรรมแทนสมศักดิ์ ไม่เกี่ยวปมทักษิณ

ส่วนอีกประเด็นร้อนเมื่อวาน กรณีคำสั่งแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีใหม่ ให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม แทนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งท่านนายกฯ ยืนยันว่า การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีนายทักษิณ

ทั้งนี้สาระสำคัญในคำสั่งของนายกรัฐมนตรี เป็นการปรับเปลี่ยนความรับผิดชอบของรองนายกรัฐมนตรี ที่น่าสนใจ คือ ข้อ 2 และ ข้อ 3 โดยเฉพาะในส่วนของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จากเดิมที่รับผิดชอบกระทรวงยุติธรรม เปลี่ยนให้มาดูแลกระทรวงสาธารณสุข และโยกให้ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค มากำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม แทน

ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเกี่ยวข้องกับกรณีคุณทักษิณ ชินวัตร ที่ยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจเกิน 120 วันแล้วหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนของรัฐบาลขณะนี้

โดยนายกรัฐมนตรี ชี้แจงคำสั่งดังกล่าว ว่า เป็นไปตามความเหมาะสม ก็บอกว่า ที่มอบให้นายสมศักดิ์ ไปดูงานของกระทรวงสาธารณสุขแทน เนื่องจากเป็นสส.ในพื้นที่ น่าจะมีความเข้าใจความต้องการของประชาชนมากกว่า

ขณะที่นายพีระพันธุ์ ได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเป็นอดีตผู้พิพากษา และมีความรู้ความสามารถ พร้อมขอผู้สื่อข่าวอย่าคิดมาก เป็นแค่การวางคนให้ตรงจุดเท่านั้น และ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับที่คุณสมศักดิ์ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของกรมราชทัณฑ์ ก่อนหน้านี้

ขณะที่ นายสมศักดิ์ บอกว่า ไม่ติดใจ ไม่น้อยใจ และ ท่านนายกฯ ไม่จำเป็นต้องให้เหตุผล เพราะเป็นอำนาจที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และมองว่า อาจเป็นเรื่องของความเหมาะสม ส่วนเมื่อถามว่า รู้สึกโล่งใจไหมไม่ต้องรับผิดชอบงานเผือกร้อน คุณสมศักดิ ก็ย้อนว่า "ไม่เห็นจะเป็นเผือกร้อนอะไรเลย และขออย่าไปซีเรียสแทนผม"



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/JjJ-lhZ9rdk

คุณอาจสนใจ

Related News