สังคม

ปัตตานี นราธิวาส ยังอ่วมอยู่ สายบุรีรับน้ำเพิ่มก่อนไหลไปอ่าวไทย

โดย jeeraphat_d

27 ธ.ค. 2566

46 views

วันที่ 27 ธ.ค. สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ทั้ง 7 ตำบล ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และอยู่ในเกณฑ์วิกฤติ หลังมวลน้ำจากจังหวัดนราธิวาสเป็นจำนวน ตลอดทั้งคืนได้ไหลสมทบในแม่น้ำสายบุรีอย่างต่อเนื่องก่อนไหลลงสู่ทะเล จนเอ่อล้นเข้าท่วมเป็นวงกว้าง ชาวบ้านต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก


ขณะที่ในตัวเมืองสายบุรี ปรากฏว่าตลอดทั้งคืนจนถึงวันนี้ยังคงมีมวลน้ำเป็นจำนวนมากเข้าท่วมสูง ประกอบด้วย ต.ละหาร บ้านเรือนที่ติดกับถนนสายปัตตานี-นราธิวาส น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนสูงถึง2 เมตร และบ้านเรือนที่อยู่เส้นใน น้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ส่วนตำบลที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือ บ้านเซะโมะ บ้านลานช้าง ต.ตะบิ้ง มีน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร ชาวบ้านต้องอาศัยอยู่ชั้น 2 เนื่องจากเป็นห่วงบ้าน และบางส่วนที่อยู่ไม่ได้และมีเป็นบ้านชั้นเดียวต้องอพยพไปอยู่จุดพักพิงชั่วคราวข้างนอกหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่สูง


ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กู้ภัยจาก จ.ภูเก็ต และหน่วยกู้ภัยจากพื้นที่อื่นๆได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบและเดือดร้อน โดยมีการกระจายกำลังไปช่วยเหลือชาวบ้านที่น้ำเข้าท่วมมิดบ้าน เนื่องจากน้ำยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ได้มีการช่วยเหลือบ้านที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ เคลื่อนย้ายออกมาอยู่ข้างนอก ซึ่งการทำงานค่อนข้างลำบาก เนื่องจากมีน้ำท่วมสูง ประกอบกับมีน้ำไหลเชียว


ส่วนเมื่อคืนที่ผ่านมามีรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ อส. อ.สายบุรี ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กำลังเดินทางเพื่อเข้าเวร แต่ระหว่างทางมีน้ำไหลเชียว ทำให้น้ำซัดทั้งรถทั้งร่างจมไปกับกระแสน้ำ สูญหาย ทราบชื่อ นายวรเวทย์ อายุ 41 ปี ขณะเกิดเหตุทราบว่าเจ้าตัวมีการสวมเสื้อเกราะ และมีอาวุธปืนอีกด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยและนักประดาน้ำอยู่ระหว่างการออกค้นหา อส.ดังกล่าว


นางอาฟีซะ หนึ่งในชาวบ้านที่อยู่ ต.ตะลุบัน อาศัยอยู่ในบ้าน 5 ชีวิต มีเด็กเล็ก 2 คน จำเป็นต้องย้ายออกและมาอยู่จุดพักพิงชั่วคราว โดยอพยพตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา นางอาฟีซะ เปิดเผยว่า เมื่อคืนน้ำมาเร็วมาก ข้าวของต่างๆก็ไม่ทันขนย้ายไว้ที่สูง ซึ่งบ้านมีน้ำท่วมสูง 2 เมตร ทุกคนกังวล เพราะเป็นห่วงเด็กเล็ก 2 คน เนื่องจากเป็นช่วงค่ำ กลัวว่าน้ำจะมาอีก จึงตัดสินใจพาทุกคนจูงมือกันหนีน้ำออกมาด้วยตนเอง ทรัพย์สินต่างๆตอนไม่ห่วงแล้ว ต้องเอาชีวิตให้รอดก่อน


สำหรับสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสในครั้งนี้หรือทุกครั้งที่ผ่านมา เราจะเห็นเจ้าหน้าที่ทหารทุกหน่วยทุกกรมกอง ออกไปให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอต่างๆ อย่างขะมักเขม้นในเวลากลางวันและกลางคืน หรือตลอด 24 ชั่วโมงก็ว่าได้ มันคือหน้าที่ของชายชาติทหารที่ต้องให้การช่วยเหลือประชาชนในทุกภารกิจ เมื่อทราบว่าได้รับความเดือดร้อน แต่เบื้องหลังทราบมั๊ยว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่ร่างกายกำยำเหล่านั้น เขาก็มีความทุกข์และความเดือดร้อนไม่แพ้กัน แต่ด้วยภารกิจและหน้าที่รั้วของชาติ ก็ต้องยอมทิ้งเสียสละครอบครัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ให้ล่วงล่วง


อย่างเช่นเจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่ง สังกัดกรมทหารราบที่ 151 กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายกัลยาณิวัฒนา ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งอาศัยบ้านพักอยู่ในค่ายมีสภาวะน้ำท่วมขังบ้านพักเช่นกัน และมีปริมาณน้ำท่วมสูงเข้าไปในบ้านพัก ทรัพย์สินและข้าวของสัมภาระต่างๆ รวมทั้งรถยนต์ถูกน้ำท่วมขังได้รับความเสียหาย แล้วยังต้องทิ้งครอบครัวซึ่งมีทั้งบิดา มารดาที่แก่ชรา รวมทั้งลูกสาวตัวเล็กๆ อยู่ภายในบ้านพักตามลำพังทั้งกลางวันและกลางคืน ที่มีสภาวะน้ำท่วมขังสูงโดยรอบ ก็ยังต้องเสียสละออกไปช่วยเหลือประชาชนทั้งที่ตนเอง ต้องทิ้งภาระดูแลครอบครัวเหมือนกับปรับความรับผิดชอบไปโดยปริยาย


ถามว่าความดีเหล่านี้ประชาชนที่เห็นต่างทางด้านความคิดเห็นความสำคัญหรือไม่ มีแต่หากความคิดต่างๆหรือตนเองเสียผลประโยชน์ ก็จะมีการรวมตัวขับไล่หรือประท้วง เมื่อเจอกับตนเองหรือครอบครัวที่ได้รับความเดือดร้อนแล้วทัศนคติจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีหรือไม่ นี้คือคำตอบของพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ คือ ผิดแล้วแก้ไขปรับตัวเอง หรือ เดินทางผิดแล้วอย่าถลำลงลึก หาหนทางเดินที่สว่างเพื่อเป็นคนดีของครอบครัวรวมทั้งประเทศชาติ


ด้าน น.ส.อธิชา ลูกหลานเจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่ง กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่ฝนตกลงมาต่อเนื่อง ทำให้น้ำเข้าบ้านพักบริเวณบ้านพักได้รับความเสียหาย ที่บ้านพักก็ลำบากน้ำเข้าบ้าน แต่น้าก็ต้องออกไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ