สังคม

โต้กันไปมา! 'พ่อแบม' ยันพูดจริงตั้งแต่แรก เจอ 'ลุงพล' ใกล้ที่พบศพ 'น้องชมพู่' ฉะ! ไม่ต้องทวงบุญคุณ

โดย paweena_c

22 ธ.ค. 2566

468 views

'ลุงพล' ยันไม่รู้เส้นผมมาจากไหน ปัดข่มขู่พ่อแบม เพราะตอนพ่อแบมติดคุกก็ช่วยดูแลครอบครัวให้ตลอด ด้านพ่อแบมโต้ลุงพลเรื่องบุญคุณคดีตัดไม้ ระบุก้มหน้ารับกรรมติดคุก 11 เดือน และขอยืนหยัดบนความจริงวันนี้ศาลตัดสินแล้วคนผิดต้องรับโทษ เผยที่ผ่านมา 3 ปีถูกคุกคามข่มขู่สารพัด

เมื่อวานนี้ลุงพล ให้สัมภาษณ์ ในระหว่างทำพิธีผูกแขนเอิ้นขวัญ โดยได้พูดหลายประเด็นเช่นเรื่องเส้นผม ลุงพล บอกว่า ส่วนตัวก็ยังสงสัยว่าเส้นผมของน้องมาตกที่รถลุงได้ยังไง รถลุงไม่เคยล้าง น้องขึ้นรถลุงประจำ พิสูจน์หลักฐานตรวจแต่รถลุง ไม่ตรวจรถคันอื่น เส้นผมอาจจะตกอยู่ที่รถคันอื่นด้วยก็ได้

ส่วนกรณีที่มีการนำพยานปากเอก คือ พ่อแบมออกมาพูดถึงในอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับคดี ตั้งแต่เวลาที่เจอในสวนยาง และการสั่งให้เปลี่ยนเวลา รวมถึงการข่มขู่จะทำร้ายร่างกาย ลุงพล กล่าว่า ทุกอย่างไม่เป็นความจริง ไม่ได้ทำเช่นนั้น ไม่เคยคิดจะทำร้ายร่างกายพ่อแบม เพราะในอดีตช่วงที่พ่อแบมเคยติดคุก ลุงพลเป็นคนดูแลครอบครัวของพ่อแบม จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำร้ายพ่อแบม สิ่งที่พ่อแบมออกมาให้สัมภาษณ์ ก็แล้วแต่บุคคลจะเชื่อหรือไม่แต่ลุงพลยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ทำตามที่พ่อแบมพูด

ลุงพลยังบอกอีกว่า ส่วนการต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์นั้นหลักฐานพยานเพิ่มเติมต่างๆหรือข้อโต้แย้งทางทนายจะเป็นผู้ดำเนินการ โดยส่วนตัวคิดว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไทม์ไลน์การเกิดเหตุช่วงเวลานั้นตั้งแต่การไปกรีดหน้ายาง และมาจนถึงการไปรับพระและและช่วงเวลาที่น้องชมพู่หายตัวไปซึ่งประเด็นไทม์ไลน์นี้อาจจะต้องมีการลงรายละเอียดชัดเจนมากกว่านี้เพื่อใช้ในชั้นศาลอุทธรณ์

ด้านนายวัชรินทร์ กงแก่นท้าว หรือ พ่อแบม พยานปากสำคัญที่ไขคดีน้องชมพู่ เปิดใจกับทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาตนเองต้องอยู่กับความรู้สึกอึดอัดใจ เก็บความจริงอยู่กับตัว 3 ปี แม้จะให้การกับเจ้าหน้าที่ตามความจริงไปหมดแล้ว แต่ก็ต้องรอวันที่ศาลตัดสิน จนกระทั่ง วันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ตนเหมือนยกภูเขาออกจากอก ขอขอบคุณศาลมุกดาหารที่ให้ความยุติธรรมแก่น้องชมพู่

วันนี้ตนกล้าออกมาพูดมาให้สัมภาษณ์กับสื่อฯ เพราะศาลตัดสินแล้ว แม้จะเป็นศาลชั้นต้นแต่ก็ถือว่า คดีมีความชัดเจนมากขึ้น

พ่อแบม ยืนยันว่า สิ่งที่ตนพูดและให้การกับเจ้าหน้าที่เป็นความจริงตั้งแต่แรก และก็ยังตกใจ หลังจากให้การกับเจ้าหน้าที่ในครั้งแรก ก็พูดไปแค่นิดเดียว แต่ว่า ลุงพลไม่พอใจหนักมาก มาที่บ้านทำให้ตกใจ ทำให้กลัว และเตือนตนให้เปลี่ยนแปลงเวลาเพราะเวลานั้นเป็นเวลาเด็กหาย

ตนเองจึงคิดว่า มันแปลกๆ แต่ถ้าไม่พูดอะไร ก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นกับตนเองและครอบครัว จึงตัดสินใจพูดทุกอย่างกับเจ้าหน้าที่

พ่อแบม เล่าย้อนถึงเหตุการณ์วันที่เกิดเรื่องน้องชมพู่หายตัวไปว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 ช่วงเวลาประมาณ 09:00 น. พ่อแบมพบเห็นลุงพลอยู่ที่ป่าสวนยาง แต่อยู่ในลักษณะที่ผิดแปลก ไม่เหมือนมากรีดยางตามปกติ ลักษณะกรีดยางไปด้วยและด้อมๆ มองๆ ไม่ได้สนใจการกรีดยางเหมือนปกติ เหมือนแอบเข้ามาหรือหลบใครบางคน หลังจากนั้นตนก็ตะโกนคุย และเดินเข้าไปหาลุงพล ครั้งแรกก็คุยปกติดีทักทายกัน แต่พอคุยกันนานมากขึ้น ลุงพลก็เริ่มถามว่าทำไมพ่อแบมไม่ไปไร่กับแม่แบม

และเวลาก่อนหน้านี้พ่อแบมไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมา พ่อแบมเลยตอบว่า "เมื่อกี้ผมอยู่ตรงนี้อยู่ข้างบนตรงนี้ในป่าสวนยาง ลุงพลมีท่าทางตกใจ ถึงขั้นร้องเสียงหลงว่า ฮะ! อยู่ตรงนี้หรอ" จากนั้นก็พยายามสนทนาปกติ แต่ลุงพลมีท่าทางกระสับกระส่าย และพยายามที่จะจบการสนทนาและ เดินออกจากจุดนั้นไป นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสงสัย พบว่าช่วงเวลาที่ตำรวจเตรียมจะเข้าค้น หาหลักฐานที่บ้านของลุงพลก็พบว่า ก่อนตำรวจจะเข้า ที่บ้านของลุงพลมีการเผาสิ่งของ

ซึ่งไม่รู้ว่าเผาอะไรแต่เผาเป็นกองขนาดใหญ่มีกลุ่มเปลวไฟและควันจำนวนมาก ซึ่งก็แปลกใจเหมือนกันว่า ลุงพลและป้าแต๋นตั้งแต่อาศัยอยู่ที่นี่มาไม่เคยเผาอะไรเช่นนี้มาก่อน จึงเกิดความสงสัย

พ่อแบม ยังเล่าอีกว่า หลังจากที่ตำรวจเข้าไปเก็บหลักฐานเสร็จ ลุงพลมาต่อว่าตนเอง และจะเข้ามาทำร้ายร่างกายตน แต่โชคดีที่วันนั้นลูกชายของตนอยู่ที่บ้านด้วยจึงไม่กล้าก่อเหตุและพูดว่า "เป็นเพราะเจ้านี่แหละที่ไปบอกว่าเห็นข่อยในเวลาที่ชมพู่หาย"

พ่อแบมจึงบอกว่า "ผมไม่รู้ว่าเวลานั้นเป็นเวลาที่น้องชมพู่หาย แต่ผมรู้ว่าเป็นเวลาที่ผมเจอกับลุงพล" และจากนั้นลุงพลก็บอกให้พ่อแบมให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ใหม่ โดยให้เปลี่ยนเวลาที่เจอลุงพล ให้บอกกับตำรวจใหม่ว่าที่เจอกันวันที่ 9 พ.ย. หรือวันที่ 10 พ.ย. และหากเป็นวันที่ 11 ให้บอกว่าเราเจอกันในเวลาประมาณ 07:00 น. ให้บอกกับตำรวจว่าเจอลุงพลในเวลาประมาณ 7 โมง 10 นาที แต่ตนยืนยันว่า เจอเวลาไหนและพูดคุยอะไรก็บอกความจริงกับตำรวจตามนั้น

สำหรับ คำพิพากษาของศาลถือว่าคืนความยุติธรรมให้กับน้องชมพู่ ส่วนตนเองตลอดเวลาสามปีก็มีหลายเรื่องเข้ามาแต่มีคดีนี้ก็อยู่มาอย่างทุกข์ใจ และหลังจากนี้ก็กังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะออกมาเปิดเผยความจริงที่ถูกเก็บงำมาตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี และบ้านของตนเองก็อยู่ใกล้กันกับบ้านลุงพล

ซึ่งมีกลุ่มยูทูบเบอร์อาศัยอยู่จำนวนมาก บางครั้งก็เคยเตะข้าวของเข้ามาที่พื้นที่บ้านของตนและเคยถืออาวุธเข้ามาหาตนถึงในบ้าน เพื่อจะทำร้ายตนเอง ยอมรับว่ากังวลเรื่องความปลอดภัยมากเพราะศาลตัดสินแล้วว่า เขาเป็นคนผิดและตนเองเป็นคนหนึ่งที่ออกมายืนยันถึงเหตุการณ์วันนั้น จากนี้ก็ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้

ส่วนเรื่องบุญคุณ ที่ลุงพลอ้างว่าตอนที่ตนเองติดคุกในข้อหาตัดไม้ลุงพลคอยให้ความช่วยเหลือ พ่อแบมบอกว่าลุงพลบุกเข้ามาจะชิงตัวเองไปจากเจ้าหน้าที่ซึ่งถูกจับกุมในข้อหาตัดไม้ แต่ตนเองมองว่าเป็นการกระทำในลักษณะนักเลง และเจ้าหน้าที่ถามว่าตนเองจะเลือกไปกับใคร ตนเองจึงตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและรับโทษจำคุก 11 เดือน

เรื่องราวทั้งหมดรวมถึงเรื่องคดีน้องชมพู่ผ่านมาถึงวันนี้ ตนเองรู้สึกภูมิใจที่ได้ ทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง และขอยืนหยัดอยู่บนความจริง ต่อสู้เพื่อความถูกต้องแบบนี้ต่อไป


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/YqW_tU0hhdk

คุณอาจสนใจ

Related News