อาชญากรรม

รวบแล้วคนร้ายใช้แบงก์ 100 ครึ่งใบ หลอกซื้อแซนด์วิชสาวแม่ลูกอ่อน

โดย nutda_t

20 ธ.ค. 2566

336 views

จากกรณีหญิงอายุ 26 ปี อุ้มลูกอายุ 6 เดือน ขายแซนด์วิชหน้าโรงเรียน เข้าแจ้งความที่ สน.บางเขน ภายหลังเข้าขอความช่วยเหลือจากกลุ่มสายไหมต้องรอด เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ช่วยตามหาชายคนหนึ่ง ที่มาซื้อแซนด์วิชและจ่ายเงิน 100 บาท ซึ่งมารู้ภายหลังว่าคนร้ายใช้ธนบัตร 100 บาท ที่ขาดครึ่ง มาหลอกซื้อแซนด์วิชชิ้นละ 20 บาท และได้รับเงินทอนไป 80 บาท แต่เมื่อมาตรวจสอบในภายหลังกลับพบว่าเป็นธนบัตรครึ่งใบ ก็เกิดอาการซึมเศร้ากำเริบ เครียดจนเกือบทำร้ายตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเข้าแจ้งความดังกล่าว

ล่าสุด นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเขตสายไหมต้องรอด ได้นำสมาชิกในเครือข่ายไปไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดจนสามารถไปติดตามตัวคนร้าย คือนายอาชวิน อายุ 43 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้ที่ย่านดอนเมือง จึงคุมตัวเข้ามาพบตำรวจ สน.บางเขน และผู้เสียหาย



เบื้องต้น นายอาชวิน ให้การรับว่า คือคนที่ใช้ธนบัตรครึ่งใบไปหลอกซื้อแซนด์วิชจากผู้เสียหายคนดังกล่าว โดยไม่ทราบมาก่อนว่าผู้เสียหายมีอาการซึมเศร้าและมีลูกเล็ก ทั้งนี้เมื่อทราบว่าผู้เสียหายต้องเจออะไรบ้างก็รู้สึกใจหาย อยากจะขอโทษในสิ่งที่ตนเองทำลงไป นอกจากนี้ยังยอมรับว่าเคยใช้ธนบัตร 100 บาทครึ่งใบไปหลอกซื้อของจากผู้เสียหายรายอื่นๆทั่วกรุงเทพฯ รวมแล้วมากกว่า 100 ครั้ง ซึ่งในแต่ละวันจะพยายามหลอกผู้เสียหายให้ได้เงินรวม 200 บาท โดยจะแบ่งเงิน 100 บาท ไว้ใช้กินประทังชีวิต ส่วนอีก 100 บาท จะนำไปซื้อยาบ้าในราคา 3 เม็ด 100 บาท ที่ผู้ค้าย่านคลองบางบัว ก่อนจะออกไปตระเวนก่อเหตุกับผู้เสียหายรายอื่นๆ ทั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายกับพ่อค้าแม่ค้ารายใดเป็นพิเศษ หากพบจังหวะโอกาสเหมาะสม ก็จะใช้ธนบัตรครึ่งใบเข้าไปหลอกซื้อของทันที ที่ผ่านมาเคยทำพลาดและถูกผู้เสียหายรุมกระทืบมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังคงใช้แผนการเดิมอยู่ โดยวิธีการนี้คิดค้นได้จากตอนที่ตกงานแล้วทำธนบัตรขาดครึ่งใบและลองเอาไปซื้อของกับผู้เสียหายรายอื่นและปรากฏว่าทำสำเร็จจึงใช้แผนนี้เรื่อยมา

ทั้งนี้ในวันดังกล่าวเห็นผู้เสียหายยืนขายของอยู่คนเดียว จึงทำทีเข้าไปขอซื้อแซนด์วิช 1 ชิ้น พร้อมกับยื่นธนบัตรครึ่งใบให้ และรอรับเงินทอนจำนวน 80 บาท ซึ่งระหว่างนั้นก็แกะแซนด์วิชกินเพื่อฆ่าเวลา เมื่อได้เงินทอนก็รีบหลบหนีทันที

จากนั้น นายเอกภพ ได้พาตัวนายอาชวิน ไปพบผู้เสียหายภายในห้องไกล่เกลี่ยของสน.บางเขน ซึ่งผู้เสียหายได้พาลูกอายุ 6 เดือนมาด้วย เมื่อพบหน้ากันนายอัศวิน ได้ทรุดลงไปกล่าวขอโทษและสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก ซึ่งผู้เสียหายก็นิ่งเฉย ก่อนที่พนักงานสอบสวน สน.บางเขน จะพาไปลงบันทึกประจำวันพร้อมส่งตัวให้ฝ่ายสืบสวนทำประวัติพร้อมตรวจสารเสพติดในปัสสาวะเพื่อส่งบำบัดตามขั้นตอน

ทั้งนี้ในระหว่างการทำบันทึกประจำวัน ลูกของผู้เสียหายได้ร้องเสียงดังอยู่ภายในห้องไกล่เกลี่ย จนทำให้นายอาชวิน หันกลับไปมองภายในห้องบ่อยครั้งและร้องไห้ พร้อมกับสัญญากับพนักงานสอบสวนและทีมสายไหมต้องรอด ว่าจะไม่ทำพฤติกรรมดังกล่าวอีก



ด้านผู้เสียหาย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ช่วงแรกที่ทราบว่าตนเองถูกหลอกก็รู้สึกเครียดจนอยากทำร้ายตัวเอง แต่ตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งตลอดมาเธอคิดวนเวียนอยู่ตลอดเวลาว่าเหตุใดจึงถูกหลอกแบบนี้ และคิดจะเอาเรื่องกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด แต่เมื่อเจอหน้าคู่ก่อเหตุและได้ทราบเรื่องราวบางส่วนก็รู้สึกเห็นใจและให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น และอยากให้ผู้ก่อเหตุเลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเธอก็ยังกลัวว่าหากผู้ก่อเหตุเข้าตาจนก็อ่านไปก่อเหตุลักษณะแบบนี้กับบุคคลอื่นได้อีก

ด้าน นายเอกภพ ได้ทำการถ่ายรูปทำประวัตินายอาชวิน และลงเพจของตนเองและเตรียมประสานกับเครือข่ายเพื่อหางานทำให้กับนายอาชวิน พร้อมติดตามญาติของนายอาชวิน มารับผิดชอบค่าเสียหายและหาแนวทางการแก้ไขไม่ให้นายอาชวิน มาก่อเหตุแบบนี้อีก

คุณอาจสนใจ