สอบสวนชุดใหม่ถกร่วมอัยการ แนวทางสอบพยานหลักฐาน คดีรีดเงินผตห.เว็บพนัน 140 ล้าน

คดีเรียกรับสินบนเว็บพนันออนไลน์ 140 ล้านบาท จนเป็นที่มาของประโยค "เป้รักผู้การเท่าไร" คดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ตำรวจชลบุรี นำกำลังเข้าตรวจค้น เครือข่ายพนันออนไลน์ ในกรุงเทพ และปริมณฑล หลายจุด จนต่อมาผู้ต้องหาบางคน ได้ซัดทอดว่า ถูกตำรวจเรียกรับสินบนรวม 140 ล้านบาท



คดีนี้มีตำรวจระดับสูงตกเป็นผู้ต้องหาหลายคน เดิมที พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบคดี ก่อนจะถูกบุกค้นบ้าน และผู้ใต้บังคับบัญชาบางคน ซึ่งเป็นชุดจับกุมคดีสินบน140 ล้าน ได้ถูกกล่าวหาในคดีพนันออนไลน์คดีอื่น ทำให้ ผบ.ตร. ได้เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบ จาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ไปดูแลด้านความมั่นคง มาเป็น พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. วันนี้ จึงได้เรียกประชุม เพื่อเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนบางส่วน และหารือร่วมกับอัยการ เพื่อความรัดกุมในพยานหลักฐาน



พลตำรวจโทอัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าชุดคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวน ร่วมกันประชุมความคืบหน้าคดีตำรวจรีดทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้านบาท ที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อกำหนดแนวทางการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในสำนวนคดี



พลตำรวจโทอัคราเดช เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย ดังนั้นจึงต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้เกิดความรอบคอบ และเป็นธรรมมากที่สุด ตามกฎหมายจึงมีความจำเป็นต้องส่งพนักงานอัยการมาเข้าร่วมสืบสวนสอบสวน เพื่อกำหนดกรอบแนวทาง และทิศทางการดำเนินคดีเพื่อให้สำนวนมีความรัดกุม และละเอียดรอบคอบ



ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ส่งสำนวนคดีไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ดำเนินการแล้ว แต่ ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนคืนกลับมา เนื่องจากมีการตั้งข้อหาดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง 16 นาย และพลเรือน 13 คน รวมทั้งสิ้น 29 คน ในความตามมาตรา 157,149 เเละข้อหาอื่นๆ มีการสอบปากคำพยานไปแล้ว 121 ปาก



นายวัชรินทร์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ที่มาร่วมสอบสวนด้วย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา พนักงานอัยการและตำรวจได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานมาได้พอสมควรแล้ว แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนคณะทำงานชุดใหม่ จึงต้องมีการประชุมทำความเข้าใจร่วมกัน



ซึ่งคาดว่าจะต้องมีการประชุมหารืออีก 1-2 ครั้ง จึงจะมีความคืบหน้าว่าจะมีการแจ้งข้อหากับบุคคลใดเพิ่มเติมนอกเหนือจากผู้ต้องหาชุดแรกอีกหรือไม่ รวมถึงยังมีพยานหลักฐานบางประเด็นที่ยังต้องสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม เพราะคดีนี้เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในหลายจุดหลายจังหวัด จำเป็นต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ละเอียดรอบคอบและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการภายในปีหน้า ตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย ยืนยันว่าจะไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ช่วยเหลือบุคคลใดแน่นอน