เอกชน จี้รัฐ รื้อค่าไฟเหลือ 4.10 บาท หลังราคาน้ำมันลดลงมาก

ประเด็นค่าไฟ ล่าสุด รองประธานสภาอุตสาหกรรมฯ จี้ภาครัฐรื้อค่าไฟเหลือ 4.10 บาท หลังราคาน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติลดลงมาก



โดยนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากการประเมินต้นทุนพลังงานในปัจจุบัน เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถกดค่าไฟลงได้เหลือระดับ 4.10 บาทต่อหน่วย เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลงค่อนข้างมากในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายนที่ กกพ. ใช้คำนวณค่าไฟ โดยน้ำมันดิบดูไบ ลดลงเหลือ 75 เหรียญ จาก 93 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือ ลดลงถึง 20% ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว ก็ลดลงเหลือ 15.8 เหรียญ จาก 18.5 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เนื่องจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนและสหรัฐฯ ยังไม่ดีนัก

ส่วนปัจจัยลบมีเพียงค่าเงินบาทและปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ที่ยังไม่ถึงเป้าหมาย 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แต่ต้นทุนพลังงานที่ถูกลง จะมีผลต่อราคาค่าไฟแน่นอน ซึ่งอยากให้การประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 19 ธันวาคมนี้ ที่จะมีการเคาะค่าไฟ พิจารณาให้รอบคอบ



ขณะที่ นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าแบบก้าวกระโดด จาก 3.99 บาท เป็น 4.68 บาท หรือ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.29 เสี่ยงกับเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตสินค้าพุ่งสูง โดยกลุ่มการผลิตที่มีการใช้ไฟฟ้าเป็นต้นทุนสูง ได้แก่ โรงงานผลิตน้ำแข็ง สูงเกือบร้อยละ 30 รองลงมา คือ โรงแรมและที่พักอื่น ร้อยละ 17.12 และโกดังสินค้า ร้อยละ 16.90 ส่วนครัวเรือนค่าไฟมีสัดส่วนถึงร้อยละ 3.90



ดังนั้น การปรับขึ้นค่าไฟ จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.65 และครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.66 ทำให้เงินเฟ้อมีโอกาสเพิ่มขึ้นทันทีถึงงร้อยละ 1.62 โดย 5 สินค้าที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ น้ำแข็ง ค่าห้องพักโรงแรม น้ำประปา เสื้อผ้า และผ้าอ้อมเด็ก และมีความเสี่ยงทำให้ค่าเช่าบ้านและอาหารสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นด้วย

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/e8Zwc-PT-bk