สังคม

ม.3 ร่ำไห้ ถูกหลอกทำงานออนไลน์ โดน 9 หมายเรียก

โดย paranee_s

11 ธ.ค. 2566

1.5K views

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 11 ธ.ค.66 ที่สภ.เมืองนนทบุรี นายนนทรานุวัตร พรมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วยน.ส. วรรณนภา อายุ 37 ปี มารดา และน.ส.กาน อายุ 16 ปี ลูกสาว นักเรียนชั้น ม.3 รร.แห่งหนึ่งใน อ.เมืองนนทบุรี เดินทางเข้าแจ้งความกับพ.ต.ต. ไพรัตน์ นวนตะคุ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งหลอกให้ลูกสาวสมัครงานและเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง โดยให้ค่าจ้าง 200-300 บาท ทำให้ลูกสาวหลงเชื่อ จนถูกออกหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 9 หมาย จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ได้รับหมายเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.66



สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ย.2566 เวลาประมาณ 13.00 น. น.ส.กาน ได้เข้าไปติดต่อกับเฟซบุ๊กชื่อ " Fon Supaphon" ที่ลงโฆษณาว่า รับคนทำงานที่มีแอปธนาคารอายุ 15 ปี ขึ้นไป จะได้รับเงิน 200-300 บาท จากนั้นน.ส.กาน จึงกดสมัครหลัง



จากนั้นได้รับเงินจากเฟซบุ๊กดังกล่าว จำนวน 200 บาทเข้าบัญชีธนาคาร หลังจากนั้นได่สั่งให้ น.ส.กาน ลบแชทที่พูดคุยกันออกให้หมด ต่อมาวันที่ 7 ธันวาคม 2566 เวลาประมาณ 10.30 น.น.ส.กาน ได้มีหมายเรียกผู้ต้องหาจาก สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ถึงรู้ว่าถูกหลอก ผู้ปกครองจึงได้พาเข้าแจ้งความ



จากการสอบถาม น.ส.กาน ทราบว่า ตนอยากทำงานหาเงินเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว จึงค้นหากลุ่มทำงานในเฟซบุ๊กเป็นงานออนไลน์ ตนก็กดเข้าไปดูว่ามีงานอะไรให้ทำบ้าง จนเจอเฟซบุ๊กดังกล่าวจึงกดเข้าไปดูรายละเอียดซึ่งตนสามารถสมัครได้ และทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เงิน 200-500 บาท จึงมีการคุยกันทางแชตถามรายละเอียดของตน



จากนั้นเขาก็ส่งแอปมาให้ทำตามขั้นตอน หลังจากทำเสร็จทางเฟซบุ๊กดังกล่าวก็โอนเงินมาให้ 200 บาท ก่อนมีหมายเรียกมาที่บ้าน เมื่อพ่อแม่ทราบเรื่องจึงพามาแจ้งตำรวจ มีการทำเรื่องตรวจสอบกับธนาคารจนพบว่ามีหมายเรียกทั้งหมด 9 สภ.หลายจังหวัด



ตนตกใจมากตอนนี้พ่อแม่ช่วยเดินเรื่องให้ทั้งหมด ตนไม่ทราบว่าการสมัครงานเหล่านี้จะเป็นแอปของมิจฉาชีพมาหลอก ซึ่งคนร้ายใช้บัญชีตนไปหลอกเงินคนเข้าบัญชีตนมาจำนวน 200,000 บาท คนร้ายกดเงินออกไปหมดเหลือติดบัญชีหมื่นกว่าบาท ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 พ.ย.66

น.ส. วรรณนภา อายุ 37 ปี มารดา กล่าวว่า ตนมาทราบว่าลูกสมัครงานไว้หลายที่ แต่ตนไม่ทราบเรื่องเพราะลูกอยู่กับตาและยาย ช่วงที่เกิดปัญหายายเป็นแม่ค้าขายข้าวแกง แต่ไม่มีทุนขายของ ไม่มีเงินให้ลูกตนไปกินที่โรงเรียน ซึ่งเป็นช่วงที่ตนผ่าตัดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ช่วงนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน



จนกระทั่งตนออกจากโรงพยาบาลจึงได้ทักไปหาลูก จึงทราบว่าลูกไม่มีเงินไปโรงเรียนและลูกไปขอพ่อเขามา 300 บาท เมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค.ลูกโทรมาขอเงิน 200 บาท ตนจึงถามลูกว่าเอาไปทำไม จึงทราบว่าลูกไปกดแอปหางานทำ ตนจึงห้ามลูกไม่ให้กดแอปต่าง ๆ และประสานไปที่โรงเรียนว่าลูกถูกมิจฉาชีพคุกคามทางโซเชียลอยู่ มีการข่มขู่ลูกว่าถ้าไม่โอนจะเอาตำรวจมาจับ คุณครูจึงไปช่วยดูน้องและมีการบล็อกแอปต่างๆ ไป



จนมาวันที่ 7 ธ.ค.มีหมายมาจาก สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย เป็นคดีอาญา ว่าลูกถูกแจ้งข้อหาฉ้อโกง ครอบครัวตกใจกันทั้งหมด ตากับยายร้องไห้ ตนจึงรีบเอาหมายมาตรวจสอบที่ สภ.เมืองนนทบุรี และได้มีการติดต่อไปที่ สภ.เชียงรายและติดต่อผู้เสียหายจนทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น ว่าลูกตนเปิดบัญชีให้เพจขายซิมเทพ ลูกจึงกลายเป็นบัญชีม้า หลังจากนั้นตนก็ไปติดต่อธนาคารจนทราบว่าลูกถูกออกหมายทั้งหมด 9 หมาย มีผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีและอายัดบัญชีไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนะนำให้ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีที่ออกหมายที่ใกล้ตนที่สุดก่อน เพื่อสอบปากคำ



น.ส. วรรณนภา กล่าวต่อว่า ตนไม่เคยสอนลูกรื่องเหล่านี้เพราะไม่คิดว่าลูกจะไปหางานและสมัครงาน ด้วยอายุของลูกแค่นี้ แต่ลูกอยากมีรายได้ไปช่วยยาย และลูกก็ไม่บอกตนว่าไม่มีเงินไปกินที่โรงเรียน เพราะลูกรู้ว่าตนผ่าตัดอยู่ และพ่อเขามีครอบครัวใหม่ก็มีน้องเล็ก ลูกจึงไม่ได้บอกอะไร ลูกจึงคิดเองว่าทำงานออนไลน์ทำไม่นานก็ได้เงิน



ตนต้องฝากถึงพ่อแท่ทุกคนว่าอย่าปล่อยปละละเลยเรื่องพวกนี้ เพราะเด็กเขาอาจจะไม่รู้ คิดว่าการหาเงินออนไลน์ได้เงินจริง มันจูงใจเด็ก เด็กสมัยนี้ไม่ได้ดูข่าวพอเกิดเรื่องแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่อาจทำให้ลูกหมดอนาคตทั้งที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ส่วนเด็กๆ ก็อย่าไปเชื่ออะไรในโซเชียลมันโกหก ให้ปรึกษาพ่อแม่ก่อน



นายนนทรานุวัตร พรมจันทร์ ประธานคณะติดตามงานจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากครอบครัวนี้ว่าเด็กถูกหลอกให้ทำธุรกรรมทางเฟซบุ๊ก มาหลอกเด็กทำงาน จนมีหมายเรียกมา พ่อแม่ก็ตกใจจึงให้ทีมงานตนช่วยเหลือพาเข้าแจ้งความและช่วยเหลือทางด้านติดตามคดี ตอนนี้อยู่ระหว่างขอตรวจสอบเจ้าของบัญชีที่โอนเงินให้น้อง 200 บาทเป็นค่าทำงานว่าเป็นใคร ที่นำไปสู่การทำความเสียหายให้น้องถึง 200,000 บาท จากนั้นจะออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีมาดำเนินคดี หลังจากนี้ก็จะติดตามคดีหรือพาเข้าพบหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ให้ติดตามขบวนการดังกล่าว



เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ามีหมายเรียกจาก1. สน.บางกอกน้อย 2.สภ.บางกรวย 3. สภ.รัตนาธิเบศร์ 4. สถ.หนองแค 5. สภ.บางปะอิน 6. สน. พญาไท 7. สภ.เมืองสุรินทร์ 8. สภ.เชียงแสน 9. สภ.นครไทย ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินการนัดเข้าสอบปากคำอีกครั้งหลังจากประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ เข้าร่วมสอบปากคำ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ