อัยการชี้คดี "สมรักษ์" หากมีการแสดงความรับผิดชอบ อาจเป็นเหตุให้ศาลสั่งรอลงอาญา

จากกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลโดยเยาวชนอายุ 17 ปี ว่าถูกอดีตนักกีฬามวยสากลสมัครเล่น ดีกรีแชมป์เหรียญทองโอลิมปิก รายหนึ่ง พาเข้าโรงแรมในจังหวัดขอนแก่น และมีการล่วงละเมิดทาง และพยายามข่มขืน ซึ่งในเวลาต่อมามีการเปิดเผยว่าอดีตนักกีฬามวยสากลรายนี้คือ นายสมรักษ์ คำสิงห์



ทีมข่าวและติดต่อสอบถาม ทิศทางในการดำเนินคดีไปที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ในคดีนี้นำข้อเท็จจริงมีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชนในขณะที่ยืนยันว่าในส่วนของการกระทำความผิดเกี่ยวกับการภาคผู้เยาว์อายุเกินกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 ถึง 200,000 บาท หากพิสูจน์ได้ว่าตัวเด็กผู้เสียหายไม่มีความยินยอม แต่หากตัวเด็กมีความยินยอมไปกับทางผู้กระทำความผิดก็จะเข้าความผิดตามมาตรา 319 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 4,000 ถึง 20,000 บาท ซึ่งในมาตรา 319 นี้โทษปรับจะมีอัตราโทษปรับที่ถูกกว่ามาตรา 318 เพราะตัวผู้เสียหายยินยอมไปกับผู้ทำความผิด



เพราะจากข้อมูลที่นายสมรักษ์ ออกมาให้ข้อมูลว่าเมื่อรู้ว่าฝ่ายหญิงอายุ 17 ปีจึงได้หยุดการกระทำและแยกย้ายกันนอน ประกอบกับภาพถ่ายที่ฝ่ายหญิงมีการเปิดเผยเป็นภาพที่นอนอยู่บนเตียง จึงเชื่อได้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จึงถือว่าความผิดสำเร็จที่เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ต้องมีการสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์ ทั้งหมด และส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาของศาล ซึ่งโดยปกติในคดีภาคผู้เยาว์ลักษณะนี้ศาลจะ ลงโทษความผิดผู้กระทำความผิดตามตัวบทกฎหมายอย่างชัดเจน แต่ก็มีบางกรณีที่ศาลอาจจะพิจารณาให้การลงโทษ ให้รอไปก่อนหรือเรียกว่าการรอลงอาญา หากผลการเจรจาสองฝ่ายเป็นผล



เช่นเดียวกับคดีที่ตนเองเคยเจอเมื่อนานมาแล้วในพื้นที่จังหวัดพัทยา ในคดีดังกล่าวมีความใกล้เคียงกับคดีของนายสมรักษ์ และศาลพิจารณาสั่งลงโทษให้รอลงอาญาผู้ทำความผิด แต่ตนเองในฐานะพนักงานอัยการในคดีดังกล่าวได้มีการยื่นอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ได้มีการกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นลงโทษจำ



ดังนั้นต้องรอดูในรายละเอียดว่าศาลจะพิจารณาตามพยานหลักฐานหรือผลการเจรจาในคดีนี้ เพราะศาลแต่ละที่มีคณะทำงานและมีข้อพิจารณา ที่แตกต่างกันในรายละเอียดบางข้อ รวมถึงต้องดูว่าหากศาลมีคำพิพากษาให้โทษจำคุกรอลงอาญา พนักงาน อัยการในคดีนี้จะมีข้อพิจารณายื่นคัดค้านหรือไม่



แต่ส่วนตัวที่ดูจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสื่อตอนนี้ทั้งหมดก็คาดว่าตัวนายสมรักษ์หากมีการแสดงความรับผิดชอบในบางเรื่อง ก็จะเป็นเหตุให้ศาลพิจารณาสั่งลงโทษจำคุก เป็นรอลงอาญาได้ แต่ในส่วนตัวคิดว่านับตั้งแต่วันที่ปรากฏเรื่องขึ้นต่อสังคม นายสมรักษ์ได้ถูกสังคมพิพากษาไปเป็นที่เรียบร้อยและผู้เสียหายทางฝั่งนายสมรักษ์ ก็คือภรรยาและลูกสาวที่จะ ถูกสังคมตั้งคำถาม ซึ่งจะส่งผลต่อความรู้สึกของคนในครอบครัวทั้งหมด