'13 ปี พีมูฟ สู่สังคมที่เป็นธรรม' ร่วมผลักดัน 10 ปัญหาที่เสนอต่อรัฐบาล

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมหรือพีมูฟ ประกาศเจตนารมณ์ 13 ปีพีมูฟ สู่สังคมที่เป็นธรรม ร่วมผลักดัน 10 ปัญหาที่เสนอต่อรัฐบาล ขณะที่นักวิชาการ นักกิจกรรม รวมถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิน มองอนาคตการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ การนิรโทษกรรม การแก้ปัญหาที่ดิน และการกระจายอำนาจเป็นความท้าทายของขบวนการประชาชนที่ต้องทำให้สำเร็จ


ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ประกาศเจตนารมณ์ 13 ปี พีมูฟ ที่ขับเคลื่อนปัญหาสังคมผ่านข้อเสนอ 10 ด้าน โดยเฉพาะต่อรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องสานต่ออุดมการณ์ต่อสู้เพื่อ ที่ดิน เสรีภาพ ประชาธิปไตยและความเป็นธรรม ซึ่งยอมรับว่า

13 ปีแห่งการเคลื่อนไหว เดินทางเข้าสู่ช่วงทางแยกสำคัญและห้วงเวลาแห่งกาลชี้ชะตาขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาชน ที่ต้องผลักดันข้อเรียกร้องเชิงนโยบายทั้ง 10 ด้านไปสู่การบรรลุข้อเรียกร้องการกระจายการถือครองที่ดินและทรัพยากรสู่ชุมชน สร้างสังคมนิติธรรม ร่วมขบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เดินหน้าเข้าสู่สังคมประชาธิปไตยที่มีอำนาจอธิปไตยอยู่ในมือประชาชน ที่แท้จริง


ตรงกับเวทีเสวนา อนาคตประชาธิปไตย สู่สังคมที่เป็นธรรม โดยนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ เห็นว่าการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมคือเรื่องสำคัญทั้งความยากจน การศึกษาและปัญหาที่ดิน รวมถึงคนจนเมืองที่ต่อสู้มายาวนาน ซึ่งคาดหวังว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะสร้างความหวังให้ประชาชนได้ด้วย


นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มองว่า 13 ปีของพีมูฟเข้าไปเป็นกรรมการในกลไกของรัฐ จาก 267 ปัญหา จึงหวังว่ากลไกการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข้งจะขับเคลื่อนปัญหาของประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิได้ โดยเฉพาะปัญหาที่ดินที่เป็นความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย


ศาสตราจารย์ ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ ขอบคุณพีมูฟทีปูทางไปสู่การสร้างประชาธิปไตยที่เป็นธรรม เพราะความเป็นธรรมจะเกิดได้ในสังคมประชาธิปไตยเท่านั้น โดยเฉพาะการต่อสู้ปัญหาที่ดิน จะต้องถูกสถาปนาไม่ให้สินค้าที่ดินในตลาดเสรีผูกขาดเฉพาะกลุ่มทุนและชนชั้นนำอีกต่อไป ซึ่งพีมูฟจะต้องมีส่วนร่วมในการผลักดันปัญหานี้กับรัฐบาลให้กับประชาชนด้วย


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มองว่าการกำเนิดของพีมูฟตั้งแต่ปี 2553 เป็นยุคที่ภาคประชาสังคมกำลังเปลี่ยนแปลงหลังการรัฐประหารปี 2549 ซึ่งการทำงานของพีมูฟมี 4 บทบาท ในการคัดค้าน บรรเทา ตระหนักรู้ และผลักดันปัญหา รวมถึงการสร้างสำนึกทางการเมืองเป็นสายธารในการต่อสู้ของประชาชน และมองว่า วาระประเทศไทยของกลุ่มชนชั้นนำไม่มีประชาชนอยู่ในนั้น ขณะที่ในปี 2567 มีความท้าทายใน 4 ปัญหาหลัก ทั้งการร่างรัฐธณรมนูญใหม่ การกระจายอำนาจ การนิรโทษกรรม และปัญหาที่ดิน


นายธนาธร เห็นว่าการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ มีเพียง 3 คำถาม คือเห็นด้วยให้มีการแก้รัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนหรือไม่ เห็นด้วยหรือไม่ที่จะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และให้ สสร.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

ส่วนการนิรโทษกรรม จะรวมมาตรา 112 หรือไม่ รวมถึงการนิรโทษกรรมคดีที่ดินคืนความเป็นธรรมให้ประชาชน จากนโยบายทวงคืนผืนป่า และการแก้ไขกฏกระทรวงต่างๆ โดยนักกิจกรรมรุ่นใหม่ทั้งนายพายุ บุญโสภณ จากกลุ่มดาวดิน นางสาวกรกนก คำตา กลุ่มทำทาง ต่างสะท้อนปัญหาความไม่เป็นธรรมของสังคม