ต่างประเทศ

“สิงคโปร์-ซูริค” จับมือครองแชมป์ร่วม “เมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก” ปี 2566

โดย paranee_s

30 พ.ย. 2566

294 views

10 อันดับเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกประจำปี 2566 จากการสำรวจของ ดิ อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (The Economist Intelligence Unit) หรือ อีไอยู (EIU) ซึ่ง “สิงคโปร์-ซูริค” จับมือครองอันดับที่ 1



โดยสิงคโปร์ ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 9 ครั้งในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา โดยสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ราคาขนส่งสาธารณะที่สูงที่สุดในโลกเพราะรัฐบาลมีมาตรการควบคุมการใช้รถยนต์ส่วนตัว แถมยังมีราคาเสื้อผ้า, สินค้าของชำ, และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แพงที่สุดในโลกด้วย



ขณะที่เมืองซูริค ของสวิตเซอร์แลนด์พุ่งทะยานขึ้นมาจากอันดับ 6 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงสกุลเงินฟรังก์ที่แข็งค่าขึ้น เช่นเดียวกันกับ ราคาของชำ, ข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน, และกิจกรรมนันทนาการที่สูงด้วย



ส่วนอันดับที่ 3 ก็ยังคงเป็นของเมืองจากสวิตเซอร์แลนด์ คือ นครเจนีวา ที่ครองอันดับนี้ร่วมกับนครนิวยอร์ก ของสหรัฐอเมริกา ที่ตกลงมาจากอันดับ 1 เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่อันดับ 5 ตกเป็นของฮ่องกง และอันดับ 6 เป็นของนครลอสแอนเจลิส



อันดับที่ 7 เป็นของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส อันดับ 8 เป็นของนครเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ร่วมกับกรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก และอันดับที่ 10 ได้แก่นครซานฟรานซิสโก



ทั้งนี้ EIU เตือนว่าวิกฤตการณ์ค่าครองชีพของโลกยังไม่สิ้นสุดลง เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ปีนี้ทั่วโลกมีค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น 7.4% แม้จะลดลงจาก 8.1% เมื่อปีที่แล้ว แต่ EIU เตือนว่าค่าครองชีพของปีนี้ยังคงมีแนวโน้มสูงกว่าปี 2560 – 2564 อย่างมีนัยสำคัญ



อย่างไรก็ดี ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง คือ ราคาสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นหมวดที่เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในการสำรวจเมื่อปีที่แล้ว มีการขยายตัวน้อยสุดในปีนี้



นอกจากนี้ EIU ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้เมืองต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก มาจากค่าระบบสาธารณูปโภค, ค่าการช่วยเหลือภายในครัวเรือน, และค่ายาสูบ ส่วนเมืองต่าง ๆ ในยุโรปเป็นเมืองที่แพงที่สุดด้านกิจกรรมนันทนาการ, การขนส่ง, และข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ส่วนเมืองต่าง ๆ ในทวีปเอเชีย มีค่าสินค้าของชำ และแอลกอฮอล์แพงที่สุด

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ