สังคม

แม่ขอความเป็นธรรม ลูกสาววัย 7 ขวบถูกไฟประดับงานแฟร์ช็อตหวิดดับ ไร้คนรับผิดชอบ

โดย paranee_s

29 พ.ย. 2566

128 views

วันที่ 29 พ.ย. 66 นางวลาสินี อายุ 45 ปี ชาว ม.15 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่จัดซุ้มไฟประดับถ่ายภาพ หน้าบ้านโบราณสไตล์จีน ของ อ.เมืองสุรินทร์ จัดขึ้นในงานช้างแฟร์ ซึ่งเป็นงานตลาดขายสินค้าและสวนสนุกต่าง ๆ โดยมีการออกร้านและกิจกรรมต่างของหน่วยงานราชการต่าง ๆ ร่วมด้วย ที่บริเวณสนามกีฬาศรีณรงค์ จ.สุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์



หลังลูกสาว คือ น้องแกรนด์ วัย 7 ขวบ ถูกไฟประดับภายในงานดูด ขณะถ่ายภาพร่วมกับเพื่อน ๆ แทบเอาชีวิตไม่รอด เมื่อเวลา 19.40 น.ของคืนวันที่ 23 พ.ย.66 ที่ผ่านมา พร้อมกับนำภาพถ่ายสุดท้ายที่ถ่ายก่อนถูกไฟช็อตมาให้สื่อมวลชนได้ดูด้วย โชคดีที่มีพลเมืองดี สังเกตเห็นอาการตัวสั่น ตาค้าง จึงรีบช่วยดึงเสื้อออกมาถึง 3 ครั้งจึงหลุดออกมา พบว่าเด็กมีรอยไหม้ที่ฝ่ามือขวา



ขณะที่พลเมืองดีก็รู้สึกได้ว่าไฟได้ดูดถึงตัวเช่นกัน ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลสุรินทร์ พบเพียงอำเภอและโรงเรียนส่งตัวแทนนำกระเช้าผลไม้มาให้ บอกจะช่วยเหลือเยียวยา หลังจากนั้นหายเข้ากรีบเมฆ แถมถูกกดดันให้เรื่องเงียบ จนแม่น้อยใจว่าไม่มีใครสนใจชีวิตลูกของตนเอง เหมือนเห็นเป็นผักปลา ถ้าไม่มีพลเมืองดีช่วยลูกสาวคงตายไปแล้ว วอนขอความเป็นธรรมให้ลูกสาว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ที่เกี่ยวข้องแสดงตัวออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย และเวลาจัดงานต่างๆ ที่มีไฟประดับ ก็ขอให้มีความรอบคอบและมีความปลอดภัยมากกว่านี้ ก่อนที่จะมีคนสูญเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บอีก ด้านนายประพันธ์พงษ์ พ่อของน้องแกรนด์ ก็ได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้กับ จนท.ตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ไว้แล้ว



ขณะที่เพจดัง ชื่อว่า อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part6 ได้โพสต์ข้อความและภาพ ถึงเรื่องดังกล่าวว่า “ร้องเรียนตรวจสอบงานช้าง จ.สุรินทร์ ใครจะต้องรับผิดชอบ คืนวันพฤหัสที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ทำแม่ช็อกน้องแกรนด์เกือบเอาชีวิตไปทิ้งที่เทศกาลงานช้าง จ.สุรินทร์ น้องถูกไฟดูดนะจังงัง บริเวณซุ้มที่ประดับไฟ เพื่อเป็นจุดให้ผู้เข้าชมงานถ่ายรูปสวยๆ สวยแต่เกือบขิต ก็ไม่ไหวน่ะค่ะ เหนือสิ่งใดๆ คือจนถึงตอนนี้ไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลน้องเลยค่ะ เด็กน้อยทั้งคนทำไมท่านใจดำจังอีกด้วย



นางวลาสินี แม่ของเด็กที่ถูกไฟประดับช็อต กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พ.ย.66 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.40 น. วันนั้นลูกสาวของตนเป็นนักร้องของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งในงานช้างได้เชิญให้โรงเรียนพาเด็กๆ ไปร่วมจัดแสดง เพื่อสร้างสีสัน มีลูกชายคนโตชื่อเกียร์ ส่วนน้องแกรนด์เป็นนักร้อง ซึ่งเกียร์จะต้องตีกลองหลายเพลง คุณพ่อเขาพาลูกไปคนเดียว เนื่องจากที่บ้านมีลูกพิการอีกคนหนึ่ง แม่ต้องดูลูกพิการอยู่ที่บ้าน จึงไม่ได้ไปดูแลน้องด้วย



พอน้องแกรนด์ร้องเพลงเสร็จ ก็ลงมา และไปถ่ายรูปร่วมกับเพื่อนๆ ตามซุ้มที่มีการจัดไฟสวยงาม และจุดที่เกิดเหตุเป็นซุ้มไฟที่อยู่บริเวณด้านหน้างาน น้องได้ไปยืนถ่ายรูปกับเพื่อนหนึ่งคน โดยมีคุณแม่เพื่อน เป็นคนถ่ายรูปให้ ซึ่งมันมีสายไฟระย้าที่ห้อยลงมา เป็นไฟประดับ บังเอิญน้องเอามือไปจับ



หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ ก็สังเกตเห็นว่าน้องมีอาการตัวสั่น ตาค้าง เขาทราบทันทีว่าเด็กโดนไฟดูด ผู้ปกครอง ซึ่งเป็นแม่ของเพื่อนลูกก็เข้าไปกระชากเสื้อน้อง 3 ครั้ง ถึงได้หลุดออกมา และมีคนเห็นเหตุการณ์นี้เยอะ บางคนก็มีถ่ายคลิปด้วย ซึ่งผู้ปกครองที่เป็นพลเมืองดีระหว่างที่ช่วยดึงลูกสาวตน ก็รู้สึกเหมือนมีไฟกระตุกที่ตัวท่านเหมือนกัน แต่ท่านบอกว่าจะต้องช่วยเด็กให้ได้



ต้องขอบคุณท่านมาก ไม่อย่างนั้นลูกสาวคงตายอยู่ตรงนั้น หลังจากเกิดเหตุไฟดูดคุณครูก็แจ้งให้ผู้ที่รับผิดชอบทราบว่ามีเด็กนักเรียนถูกไฟดูด แล้วเขาก็สั่งให้ตัดไฟ และแจ้ง อส.และทาง จากนั้นพลเมืองดีและพ่อของน้องก็พาน้องไปส่งที่ รพ.พอไปถึงทราบว่าหัวใจน้องเต้นผิดปกติ หมอก็เลยให้น้ำเกลือ เข้าไปเยอะ ๆ และก็ตรวจคลื่นไฟฟ้าตลอดเวลา และความดันก็ต่ำ เป็นผลพวงจากน้องโดนไฟดูด คืนนั้นตนก็รู้สึกเสียใจที่ว่า ทำไมไม่มีใครสนใจว่าลูกแม่ตายหรือรอด ตนจึงโทรไปหาครูผู้ดูแล ได้รับคำตอบว่าดึกแล้ว ขอเป็นช่วงเช้า จะรายงานไปทางอำเภอให้รับทราบ ตอนเช้าทางอำเภอได้นำกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมน้อง มีซองสีขาวข้างในไม่มีเงิน



ส่วนโรงเรียนก็นำกระเช้าผลไม้และเงินใส่ซองอีก 2 พันมาให้ และบอกว่าจะมีการดูแลค่ารักษาพยาบาลทุกบาททุกสตางค์และจะเยียวยาน้อง และตั้งแต่วันที่เขาพูดวันนั้นก็เงียบหายไปเลย จนกระทั่งน้องจะออกจาก รพ.หลังจากต้องนอนรักษาตัวถึง 3 วัน และต้องมาเฝ้าสังเกตอาการต่อที่บ้านอีก 10 วัน แม่ก็โทรหาทางโรงเรียน และเขาก็บอกว่าให้แม่นำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล ให้เอาไปเบิกกับประกันกลุ่มที่แม่ได้ซื้อไว้ตอนที่จ่ายค่าเทอมน้อง



และเขาก็พูดลักษณะว่าทางอำเภอฝากความห่วงในน้องมา ระหว่างที่แม่รอหน่วยงานที่สัญญาว่าจะเข้ามาเยียวยาน้อง ก็ไม่มีใครเข้ามา ระหว่างนั้นโรงเรียนก็ให้ครูโทรมาเพื่อที่จะไม่ให้แม่ติดใจเอาความกับใคร บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของทางอำเภอ ประมาณว่าให้มันจบ ๆ ไป



ตนก็เลยรอจนถึงเช้าวันจันทร์ ตนรู้สึกว่าลูกสาวตนเกือบเสียชีวิต ถ้าอีกนิดหนึ่งเขาก็เสียชีวิตตรงนั้นแล้ว ถ้าไม่ได้พลเมืองดีที่มาช่วยไว้ แล้วทำไมเขาเห็นชีวิตลูกตนเหมือนเป็นผักเป็นปลา ที่ไม่สนใจเลย ตนจึงโพสต์ด้วยความน้อยใจ ที่หน้าเฟสตนเอง ก็มีคนมาให้กำลังใจ มีนักข่าวบางช่องเข้ามาสอบถาม



ตอนแรกตนไม่ได้ติดใจจะเอาความอะไรกับโรงเรียน เพราะเห็นว่าโรงเรียนก็ทำหน้าที่เขา พอตกตอนเย็น มีผู้บริหารของโรงเรียนท่านหนึ่งโทรมาหาตน ซึ่งเขาก็พูดดีและเชิงตำหนิว่า คิดว่าคุยกับแม่เข้าใจแล้วน่ะ แม่ไม่ควรจะโพสต์เลย มันจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ และเขาก็บอกว่าตอนนี้เขาก็ยุ่งกับการเตรียมงานอะไรสักอย่าง เป็นงานสำคัญแล้วไม่มีเวลาที่จะมาจัดการเรื่องนี้ ตนเลยบอกว่ามันเกิดเหตุตั้งแต่คืนวันพฤหัส หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ควรจะมาถามสักคำว่าน้องเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่มีใครใส่ใจถามเลย เขาจึงพูดว่า น่าจะไม่มีคนแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ



ตนก็ตอบไปว่าได้แจ้งไปแล้ว ครูที่รับผิดชอบพาน้องไป แจ้งหน่วยงานทันทีและก็มีการตัดไฟ และแจ้ง อส.หลังจากนั้น ก็มอบกระเช้า เรื่องทุกอย่างก็หายเงียบไป ตนก็โดนความกดดันเข้ามาว่า ให้เรื่องมันจบแค่นี้ อย่าให้มีปัญหาใหญ่โตประมาณแบบนี้ ตนจึงต้องออกมาขอความยุติธรรมว่า ชีวิตเด็กทั้งคน ถ้าเกิดว่าเป็นลูกของพวกเขา เขาจะรู้สึกอย่างไร วันนั้นตนเกือบจะสูญเสียลูกสาวไปแล้ว ถ้าเกิดพลเมืองดีคนนั้นช่วยลูกแม่ไว้ไม่ทัน ป่านนี้ตนคงจะช็อกไปแล้ว แค่ทราบว่าลูกถูกไฟดูดก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว และยังถูกความกดดันจากหลายฝ่ายให้เรื่องมันจบไป โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น



ตนจึงต้องออกมาขอความยุติธรรม และขอฝากถึงที่ที่เกี่ยวข้องทำไฟประดับ เวลาที่จะจัดงานอะไรก็ตาม ขอให้ระวังในเรื่องของระบบไฟ เพราะระบบไฟเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ต่อให้ไม่ใช้ลูกแม่ จะเป็นใครก็ตาม ถ้าคุณทำ หรือจัดการระบบไฟไม่ดี ไม่มีการป้องกันอันตรายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งไม่มีความรอบคอบและมาตรการตรงนี้ ก็จะมีโอกาสเกิดกับครอบครัวใครก็ได้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ สูญเสียทั้งด้านจิตใจ ชื่อเสียง

อยากให้มีมาตรการดูแลความปลอดภัยในการจัดงานทั้งเรื่องระบบไฟและก็อย่างอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อชีวิตและความเสียหายของประชาชนที่ไปเที่ยวในงาน และเป็นเรื่องที่มีผลกระทบจิตใจกับผู้ประสบเหตุอย่างมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเล็งเห็นความสำคัญของชีวิตคนด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ