“ทูตพรรณนภา” อัปเดตยอดคนไทยถูกจับเพิ่มอีก 1 เผยมีแรงงานไทยแอบกลับไปอิสราเอลแล้วกว่า 10 คน

วันนี้ (21 พ.ย.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่ามีคนไทยเดินทางกลับไป ว่า เข้าใจพี่น้องแรงงานที่อยากกลับอิสราเอล เนื่องจากกังวลว่าไม่มีงานทำ และอิสราเอลก็เปิดรับเต็มที่ โดยเพิ่มเงินเดือนให้อีก ส่วนตัวอยากให้รออีกสักนิด เพราะเรากำลังพยายามประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อน เพื่อความมั่นใจ


“คือเขาไม่ได้เดินทางตรงเข้าไป เท่าที่ทราบเดินทางไปประเทศอื่นก่อน” นางสาวพรรณนภา กล่าว


นางสาวพรรณนภา ยอมรับว่ายังไม่มีรายชื่อแรงงานที่เดินทางกลับไป แต่เบื้องต้นทราบว่ามีหลัก 10 คน ตอนนี้มีการแอบเดินทางเข้าไปและสื่อสารกันระหว่างกลุ่มของพวกเขา ทำให้พวกเราทราบ


ส่วนแรงงานที่กลับไป ไปอยู่พื้นที่เดิมหรือไม่ นางสาวพรรณนภา กล่าวว่า ตอนนี้พื้นที่สีแดง คิดว่าคนที่ยังอยู่ ก็ยังอยู่ประมาณ 300 กว่าคน พวกเขาสมัครใจที่จะอยู่ ยืนยันว่าจะไม่กลับ แม้เราจะไปรับหลายครั้ง เนื่องจากอิสราเอลสัญญาว่า หากกลับเข้าไปจะจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้นให้คนงาน


เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ ทางการอิสราเอลให้คำมั่นสัญญาว่าจะเยียวยาผู้เสียหายชาวไทยเทียบเท่าคนอิสราเอล มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นางสาวพรรณนภา กล่าวว่า สำหรับการช่วยเหลือครอบครัวจะต้องเป็นผู้กรอกแบบฟอร์ม ซึ่งตอนนี้ทราบว่าทางกระทรวงแรงงานได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยครอบครัวในการกรอกแบบฟอร์มขอรับความช่วยเหลือแล้ว รวมถึงคนเสียชีวิต โดยคนได้รับบาดเจ็บ ได้รับการช่วยเหลือตั้งแต่อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว ทางฝ่ายแรงงานก็ได้ไปช่วยกรอกเรียบร้อยแล้ว


นอกจากนี้ยังมีครอบครัวของผู้ที่ถูกลักพาตัว ที่อิสราเอลจะให้เงินชดเชยเช่นเดียวกัน ซึ่งเงินช่วยเหลือผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่า เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น และรัฐบาลอิสราเอลก็เพิ่งผ่านกฎหมายมาเมื่อไม่นาน เพราะฉะนั้น อาจจะมีขั้นตอนแต่ในที่สุดแล้วก็จะได้รับ


ส่วนกรณีคลิปแรงงานชาวอิสราเอลที่ออกมาเปิดเผยภาพ โดยอ้างว่าเป็นแรงงานชาวไทยที่ถูกชาวฮามาสจับตัวไป นางสาวพรรณนภา กล่าวว่า คลิปดังกล่าวเป็นคลิปเมื่อวันที่ 7 ต.ค. อย่างน้อยคลิปนี้เป็นหลักฐานว่าบุคคลคนนั้นได้ถูกลักพาตัวไปจริง ณ วันนั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ในวันนี้ เราก็หวังว่าคนไทยทุกคนที่ถูกลักพาตัวไปจะยังมีชีวิตอยู่ และเราจะสามารถนำพากลับมาที่บ้านได้ ในเรื่องของการเจรจาต่อรองทางรัฐบาลก็กำลังทำอยู่ เรื่องนี้ไม่ถือว่าง่าย จึงยังไม่ขอลงรายละเอียด


ส่วนที่ฝั่งรัฐสภา เหมือนจะให้ความมั่นใจว่าจะได้เจรจาสำเร็จแล้วนั้น นางสาวพรรณนภา กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องนั้นจริงๆ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดตรงนั้นเป็นอิหร่าน เราก็รอด้วยใจจดจ่อ เพราะเรามองว่าคนไทยไม่ใช่ส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง เผอิญแค่ไปทำงานที่ชายแดน


ทั้งนี้ จากการประเมินหากมีการปล่อยตัวประกันจะปล่อยกลับเข้ามาทางชายแดนอิสราเอลมากกว่า แต่ไม่ว่าจะเป็นทางใด ทั้งอิสราเอล หรือที่อียิปต์ เราก็เตรียมพร้อมเช่นกัน


เมื่อถามต่อว่าประเมินหยุดยิงชั่วคราวอย่างไร นางสาวพรรณนภา กล่าวว่า ตามข่าวอิสราเอลจะไม่หยุด แต่ต้องรอดูเรื่องการเจรจาอีกครั้ง และหากหยุดยิงชั่วคราว 5 วัน ในมุมของอิสราเอลมองว่าฮามาสจะมีโอกาสซ่องสุมอาวุธและกำลังคนอีก


“สถานการณ์การสู้รบตอนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในฉนวกกาซา เมื่อวานนี้ฮามาสก็ยิงจรวดมายังอิสราเอล เข้ามาในกรุงเทลอาวีฟ สถานการณ์จึงยังไม่สงบ และกาชาดระหว่างประเทศก็ยังเข้าไปช่วยเหลือตัวประกันไม่ได้ และไม่ทราบว่าตัวประกันสุขภาพเป็นอย่างไร ตอนนี้ห่วงกังวลในเรื่องสุขภาพของแต่ละคน แต่หวังว่าแรงงานไทยน่าจะยังมีสุขภาพที่แข็งแรง” เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ระบุ


นางสาวพรรณนภา ย้ำว่า ตอนนี้ระเบียงมนุษย์เสียทำได้มีการเปิดเป็นช่วงๆ เนื่องจากต้องมีการส่งของ ยอมรับว่ายังไม่ทราบความเป็นอยู่ของตัวประกัน แต่กลุ่มฮามาสก็มีการเรียกร้องให้ไปดูสวัสดิภาพตัวประกัน ซึ่งคาดว่าคนไทยที่ถูกจับตัวไปน่าจะยังอายุไม่เยอะ ยังมีสุขภาพแข็งแรง


พร้อมระบุว่าตัวประกันที่ถูกจับไปในวันนี้อัปเดตตัวเลขเป็น 26 คน เพิ่มขึ้นมา 1 คน ซึ่งเพิ่งได้รับแจ้งว่าถูกจับไปตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. โดยในสถานทูตได้รับแจ้งว่ามีผู้สูญหายที่แจ้งจากครอบครัวแรงงาน


นางสาวพรรณนภา ย้ำอีกรอบถึงแรงงานไทยที่อยากกลับไปประเทศอิสราเอลว่าอยากให้นึกถึงสวัสดิภาพตัวเอง พร้อมเปิดใจเราถึงการช่วยชีวิตผู้ประสบภัยว่าแม้แต่ตนยังเคยต้องหลบภัยจากไซเรน


“เราทำเพื่อคุณขนาดนี้ ทำเพื่อสวัสดิภาพของคุณ เราก็อยากให้คุณนึกถึงสวัสดิภาพของตัวเองก่อน เขาอาจจะคิดว่ามันไม่มีอะไร แต่จริง ๆ ก็ยังมีอีกนิดหน่อย” นางสาวพรรณนภา กล่าว