อาชญากรรม
รวบ 'บัญชีม้า' หลอกโอนเงินกล่องสุ่ม 'พิมรี่พาย' อ้าง คนในกลุ่มสล็อตออนไลน์ ยืมบัญชีไปใช้
โดย paweena_c
16 พ.ย. 2566
133 views
สืบนครบาล และ PCT5 จับกุม บัญชีม้าหลอกโอนเงินกล่องสุ่ม 'พิมรี่พาย' เจ้าตัวอ้างถูกคนในกลุ่มสล็อตออนไลน์ ยืมบัญชีไปใช้
ชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยชุด PCT5 ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์พบความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งถูกคนร้ายใช้บนแพลตฟอร์มออนไลน์ว่า “กล่องสุ่ม-พิมรี่พาย” ได้ประกาศขายกล่องสุ่มรางวัลลุ้นโชคใหญ่ นำไปสู่การติดตามจับกุม วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา
นายสุนันท์ พุ่มพวง อายุ 25 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 21/1 หมู่ 7 ตำบลลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงสระบุรี ที่ 16/2566 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณบริเวณลานจอดรถ ถนนเพชรเกษม ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
กล่าวคือผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 020391****1 ชื่อบัญชี นายสุนันท์ พุ่มพวง ครั้งแรก 5,000 บาท ต่อมาคนร้ายได้ติดต่อมายังผู้เสียหายว่า ได้รับรางวัลจากกล่องสุ่มเป็นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ 1 คัน แต่ต้องให้ผู้เสียหายเสียภาษี 7 เปอร์เซ็นต์ เป็นจำนวนเงิน 94,570 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารเดิมอีก จากนั้นผู้เสียหายก็ไม่สามารถติดต่อเฟซบุ๊กดังกล่าวได้และก็ไม่ได้รับรถยนต์แต่อย่างใด รวมเงินที่ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนให้คนร้าย จำนวน 99,570 บาท จึงเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพงส.สภ.วิหารแดง พื้นที่เกิดเหตุ
ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.วิหารแดง ได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลพิจารณาออกหมายจับ นายสุนันท์ พุ่มพวง อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลแขวงสระบุรี ที่ 16/2566 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังพบอีกว่า ณ ปัจจุบัน นายสุนันท์ พุ่มพวง ผู้ต้องหาตามหมายจับยังมีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีในระบบ อีก 2 หมายจับ รวมเป็น 3 หมายจับ คือ
1) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่ 140/2566 ลงวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหา ว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมสนับสนุนฉ้อโกงประชาชน” ท้องที่ สภ.กระบุรี ภ.จว.ระนอง
2) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ จ.170/2566 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองอุทัยธานี
พร้อมนี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลบุคคลเฝ้าระวังปรากฏพบว่ามีประชาชนรายอื่นอีกกว่า 18 ราย ร้องเรียน โดยบัญชีธนาคารของนายสุนันท์ พุ่มพวง ดังกล่าวได้ไปหลอกประชาชนให้โอนเงินจากการหลอกขายสินค้า, หลอกเล่นพนันออนไลน์, หลอกร่วมลงทุน รวมถึงหลอกกู้เงินออนไลน์ เสียหายอีกกว่า 1 แสนบาท ซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 ร่วมกับชุด PCT5 รีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การภาคเสธ โดยให้การตนเรียนไม่จบชั้นประถมศึกษา ปัจจุบันทำงานรับจ้างก่อสร้าง แจ้งว่าเมื่อช่วงประมาณกลางปี 2565 ขณะนั้นตนทำงานรับจ้างอยู่ในพื้นตำบลหินกอง อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ตนได้เข้าไปเล่นพนันออนไลน์ประเภทสล็อตแมชชีน โดยอยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊ก “สล็อตออนไลน์” ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊กในกลุ่ม จำชื่อเฟสบุ๊กไม่ได้ ได้ทักข้อความมาสอบถามว่ามีบัญชีธนาคารให้ยืมเพื่อแลกกับค่าจ้างวันละ 200 บาท หรือไม่ โดยอ้างว่าจะนำไปใช้ในการรองรับเงินที่ได้จากการเล่นพนันสล็อตแมชชีน
ตนเห็นว่าไม่น่าจะเป็นอะไร จึงได้ให้บุคคลดังกล่าวยืมบัญชีธนาคารใช้ โดยตนได้แจ้งข้อมูลเลขบัญชีธนาคารออมสิน (เลขที่บัญชีจำไม่ได้) ชื่อบัญชี นายสุนันท์ พุ่มพวง พร้อมกับถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชน และแจ้งหมายเลขโทรศัพท์มือถือของตนให้แก่บุคคลที่ขอยืมบัญชีธนาคารดังกล่าวทราบ
จากนั้นประมาณไม่เกิน 10 นาที ได้มีรหัส OTP เข้ามาที่เครื่องโทรศัพท์ของตน ตนจึงได้แจ้งรหัส OTP แก่บุคคลที่ขอยืมบัญชีธนาคารทราบ จากนั้นช่วงเวลาค่ำบุคคลดังกล่าวก็ได้เติมเงินผ่านระบบทรูมันนี่วอเล็ตให้ตน จำนวน 200 บาท เพื่อเป็นค่าจ้าง วันต่อมาก็ทำเช่นเดียวกันอีก โดยได้ค่าจ้างรวมทั้ง 2 วัน รวมเป็นเงินจำนวน 400 บาท จากนั้นบุคคลผู้ขอใช้บัญชีธนาคารดังกล่าวก็ได้ปิดกั้นการติดต่อกับตน จนต่อมาตนย้ายมาทำงานในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตามหมายจับดังกล่าว
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ผ่านมาพบว่านายสุนันท์ พุ่มพวง มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่ถูกดำเนินคดีแล้วและยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี รวมจำนวน 7 คดี ประกอบด้วย
1) ปี 2558 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ร่วมกันในข้อหาครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่าย” ท้องที่ สภ.ท่าหลวง ภ.จว.ลพบุรี
2) ปี 2560 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ลักทรัพย์” ท้องที่ สภ.ชัยบาดาล
3) ปี 2560 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน)” ท้องที่ สภ.ชัยบาดาล
4) ปี 2563 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ตัวการในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” ท้องที่ สภ.ชัยบาดาล
5) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงสระบุรี ที่ 16/2566 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” ท้องที่ สภ.วิหารแดง ภ.จว.สระบุรี
6) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดระนอง ที่ 140/2566 ลงวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหา ว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมสนับสนุนฉ้อโกงประชาชน” ท้องที่ สภ.กระบุรี ภ.จว.ระนอง
7) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ จ.170/2566 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองอุทัยธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว “นายสุนันท์ พุ่มพวง หรือต๊ะ ลำนารายณ์” ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.วิหารแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งประสานพนักงานสอบสวน สภ.กระบุรี และ สภ.เมืองอุทัยธานี อายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ครบถ้วนในคราวเดียวกัน
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล
ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า)
หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ