อาชญากรรม

จำคุก 5 ปี 4 อดีตตร.ห้วยขวาง รีดเงินสาวไต้หวัน

โดย panwilai_c

8 พ.ย. 2566

55 views

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 4 อดีต ตำรวจ สน.ห้วยขวาง คนละ 5 ปี คดีรีดทรัพย์ค่าบุหรี่ไฟฟ้า-ไม่พกพาสปอร์ต จากดาราสาวไต้หวันกับเพื่อนชาวต่างชาติ และให้คืนเงิน 27,000 บาท ส่วนตำรวจที่เหลืออีก 2 นาย ยกฟ้อง



จากคดีที่ดาราสาวชาวไต้หวัน ชาลีอัน ซึ่งเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย พร้อมกับกลุ่มเพื่อนชาว และต่อมาเมื่อคืนวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ชาลีอันซึ่งนั่งอยู่ในรถแท็กซี่ ได้ถูกตำรวจ สน.ห้วยขวาง ซึ่งตั้งด่านตรวจอยู่ที่บริเวณหน้าสถานทูตจีน เข้าตรวจค้น ในระหว่างที่นั่งรถแท็กซี่กลับโรงแรม



โดยจากการตรวจค้นพบว่า ชาลีอัน ได้ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า จนต่อมาชาลีอันกับเพื่อนที่มาด้วยกัน ต้องจ่ายเงินให้ตำรวจ 27,000 บาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ



และเรื่องนี้ได้กลายเป็นที่น่าสนใจของสังคม หลัง ชาลีอัน ซึ่งได้เดินทางกลับประเทศ ได้โพสต์ข้อความลงในอินสตราแกรมของเธอว่า ถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน



ต่อมานายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้เปิดตัวพยานปากสำคัญ คือ สกาย ชาวสิงคโปร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับ ชาลีอัน และอยู่ในกับชาลีอัน ในคืนวันที่ถูกตำรวจตรวจค้นแล้วรีดเงิน



โดยสกายยืนยันว่า ถูกตำรวจรีดเงิน หลังพบบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน โดยถูกเรียกเงินอันละ 8 พันบาท รวม 24,000 บาท ส่วนอีก 3 พัน เป็นค่าไม่พกพาสปอร์ต ทำให้ยอดรวมที่ต้องจ่าย 27,000 บาท



สุดท้ายเรื่องนี้ทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้มีคำสั่งให้ตำรวจ สน.ห้วยขวาง 6 นาย ที่ถูกกล่าวหาว่ารีดเงิน ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้ง แจ้งข้อหาปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ



ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติ มิชอบกลาง ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีนี้ ซึ่งมีพนักงานอัยการ สํานักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ฟ้องจำเลย ซึ่งเป็นตำรวจ สน.ห้วยขวาง ทั้ง 6 นาย



ประกอบด้วย ร้อยตำรวจเอกยอดฤทธิ์ ลางคุลเสน รองสารวัตรป้องกันปราบปราม สน.ห้วยขวางในขณะนั้นเป็นจำเลยที่ 1 พวกกับพวกอีก 5 คน โดยเป็นสัญญาบัตร 1 นาย และชั้้นประทวนอีก 4 นาย



โดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานแล้ว พบว่าจำเลยที่ 1 ถึง ที่ 4 มีความเห็นว่าจำเลยที่ 1-4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83



การกระทำของจำเลยที่ 1-4 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็น ความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นบทที่มีโทษหนัก

ที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จึงสั่งจำคุกคนละ 5 ปี



ส่วนจำเลยที่5-6 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากการสืบพยานพบว่าจำเลยที่ 5 ทำหน้าที่เพียงเรียกตรวจบริเวณด้านหน้าด่านและปฎิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหน้าด่านไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวเหตุการณ์ที่เกิด



ส่วนจำเลยที่ 6 แม้ว่าจะอยู่ในชุดที่ทำหน้าที่เรียกตรวจค้นตัวบุคคล ในตอนแรก



แต่ต่อมาเมื่อผู้เสียหายที่เป็นสาวชาวไต้หวันเริ่มมีการหยิบโทรศัพท์มาบันทึกภาพ และเกิดการโต้เถียงกันเกิดขึ้น ก็มีจำเลยที่ 2 และ ที่ 3 เดินเข้ามาทำหน้าที่แทน



ส่วนตัวจำเลยที่ 6 ได้เดินกลับไปปฎิบัติหน้าที่ที่บริเวณเกาะกลาง ก่อนจะกลับมาอีกครั้งในเวลา 03:15 น. ซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งหมดไม่อยู่ในจุดเกิดเหตุแล้ว จึงเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว



ทั้งนี้ในส่วนของเงินจำนวน 27,000 บาทที่จำเลยที่ 1-4 ได้มาจากการกระทำความผิดต่อหน้าที่ให้ตกเป็นของแผ่นดิน และเงินจำนวนดังกล่าวจำเลยที่ 1-4 ต้องร่วมกันชำระคืนแก่ผู้เสียหายด้วย



สำหรับรายชื่อตำรวจ สน.ห้วยขวาง ทั้ง 6 นายที่ถูกสั่งฟ้อง ประกอบด้วย ร้อยตำรวจเอกยอดฤทธิ์ ลางคุลเสน / ร้อยตำรวจเอก ปฏิญาณ ศิริชัยวัฒนา / สิบตำรวจเอกนันทวัชร์ สุวรรณา / ดาบตำรวจกฤษฎา คำมะนา / สิบตำรวจเอกเฉลิมชัย ศิริวังโส / สิบตำรวจเอกวัชรนนทร์ ขาวผ่อง


https://youtu.be/NEUNrYfjZe8

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ