อาชญากรรม

ปฏิบัติการทลาย เครือข่ายเงินกู้ออนไลน์สินเชื่อ SME “Eazy2MoneyThai" เงินสะพันกว่า 100 ล้านบาท

โดย kanyapak_w

8 พ.ย. 2566

602 views

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ปฏิบัติการทลาย เครือข่ายเงินกู้ออนไลน์สินเชื่อ SME “Eazy2MoneyThai (อีซี่ทูมันนี่ไทย)” พบเงินสะพัดในระบบกว่า 100 ล้านบาท



กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ.,พ.ต.ท.วีระชน หล่าสกุล, พ.ต.ท.วิวัฒน์ชัย คลื่นแก้ว, พ.ต.ท.กริช วรทัต และ พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี รอง ผกก.5 บก.ปอศ.



เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา, พ.ต.ต.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์, ว่าที่ พ.ต.ต.ฉัตรดนัย ทองคลอด สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปอศ.

ร่วมกันกล่าวโทษ  4 ราย ได้แก่

1. นายพงศพัค ฯ   อายุ 28 ปี

2. นายจักรีวัชร ฯ  อายุ 28 ปี

3. นายศรัณยู ฯ    อายุ 31 ปี

4. นายนฤเทพ ฯ   อายุ 32 ปี

ในความผิดฐาน ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด


พร้อมตรวจยึด ดังนี้

1.คอมพิวเตอร์ 12  เครื่อง

2.โทรศัพท์ 23 เครื่อง

3.แท็ปเล็ต  1 เครื่อง

3.สมุดบัญชีธนาคาร 13 เล่ม

4.บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ

5.เอกสารเกี่ยวกับการกู้เงิน

6.จักรยานยนต์ 3 คัน

7.รถยนต์หรู ยี่ห้อ Mercedes Benz ของลูกหนี้ 1 คัน



โดยสามารถจับกุมในท้องที่เขตจตุจักร, เขตลาดพร้าว, เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร สืบเนื่องมาจาก เมื่อประมาณต้นปี 2566 ได้มีพลเมืองดีซึ่งเป็นผู้ประกอบการ SME  (ผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย) แจ้งเบาะแสของกลุ่มเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์นอกระบบ ที่ใช้ชื่อเว็บไซต์ว่า “Eazy2MoneyThai” (อีซี่ทูมันนี่ไทย) มายัง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ  โดยเครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อวัน หรือ ร้อยละ 547.5 ต่อปี จนกว่าผู้ประกอบธุรกิจจะมีเงินต้น



มาชำระ อันเป็นการคิดดอกเบี้ยที่เอารัดเอาเปรียบ ซ้ำเติมประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจ  พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการสืบสวนสอบสวน และจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ เปิดเว็บไซต์  www.easy2moneythai.com เพื่อชักชวนให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปกู้เงิน โดยกลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และ ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนถูกกฎหมายได้ ขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อของเว็บไซต์ดังกล่าวไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน และไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน ในกรณีที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจฯ กลุ่มคนร้ายจะไปสำรวจกิจการเพื่อประกอบการพิจารณา เมื่อสินเชื่ออนุมัติแล้วกลุ่มคนร้ายจะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตแบงก์กิงของธนาคารไปยังบัญชีธนาคารของผู้กู้ โดยกลุ่มคนร้ายจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ก็จะใช้วิธีการโทรศัพท์ข่มขู่ และไประรานผู้กู้ถึงที่บ้าน ,ที่ทำงาน หรือ สถานประกอบการ ซึ่งการกระทำของกลุ่มคนร้ายเป็นการกระทำที่อุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ากลุ่มคนดังกล่าว มีเงินหมุนเวียนในบัญชีช่วงระยะเวลาเพียง 6 เดือน กว่า 100 ล้านบาท



ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนจนทราบสำนักงานของกลุ่มคนร้าย จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาล จำนวน 3 จุด ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าตรวจค้น บ้านพัก และ สำนักงานของกลุ่มคนร้าย ซึ่งอยู่ในในท้องที่เขตจตุจักร, เขตลาดพร้าว, เขตวังทองหลาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และยึดของกลาง (ตามรายการข้างต้น) ในการกระทำความผิด



จากการสอบถามปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้น ทราบว่า นายนฤเทพฯ เป็นผู้ทำเว็บไซต์“Eazy2MoneyThai” (อีซี่ทูมันนี่ไทย) เพื่อโฆษณาหาลูกค้า เมื่อมีผู้สนใจกู้เงิน ก็จะส่งข้อมูลให้นายพงศพัคฯ เป็นผู้ตรวจสอบเครดิต และติดต่อผู้เสียหายผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ เมื่อผู้เสียหายตกลงที่จะกู้เงิน



นายศรัณยูฯ ผู้เป็นเจ้าของเงินทุน ก็จะโอนเงินเข้าบัญชีของนายจักรีวัชรฯ ก่อนที่จะโอนเงินให้กับผู้เสียหายอีกต่อหนึ่ง โดยมีนายพงศพัคฯ เป็นแอดมินที่คอยติดตามทวงหนี้จากผู้เสียหาย




จากข้อเท็จจริงดังกล่าวสามารถเชื่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ร่วมกันปล่อยสินเชื่อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ http://www.easy2moneythai.com  โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจะเรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้กู้ร้อยละ 1.5  หรือวันละ 15,000 บาท ต่อเงินต้นจำนวน 1,000,000 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 547.5 ต่อปี จึงได้ดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวในฐานความผิด ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป







คุณอาจสนใจ

Related News