เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักกว่า 30 จุด ตลาดหลักทรัพย์แถลงด่วน ยันเป็นผลกระทบจากต่างประเทศ

โดย petchpawee_k

27 ต.ค. 2566

33 views

ตลาดหุ้นไทยร่วงหนักกว่า 30 จุด นักลงทุนเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง  เหตุกังวัลบอนด์ยีลด์กลับมาดีดตัวขึ้น และสงครามอิสราเอลกลุ่มฮามาส ด้านผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ แจงตลาดหุ้นไทยดิ่งหนักตามตลาดต่างประเทศ ไม่พบซื้อ-ขายผิดปกติ  วอนนักลงทุนดูข้อมูลให้รอบครอบ


 เมื่อวานนี้ (26 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,401.17 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,371.22 จุด ปรับลดลง 30.48 จุด หรือ 2.17% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,396.17 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,370.30 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 45,690.17 ล้านบาท


นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลพบว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงตามภูมิภาค แต่เป็นการปรับลดลงมากที่สุดเทียบกับตลาดในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งในแต่ละกลุ่มหุ้นก็ปรับตัวลดลงไม่เท่ากัน โดยตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ การประเมินในภาพรวมอาจเข้าใจลำบาก อาจต้องดูเป็นรายอุตสาหกรรมว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ทั้งดัชนีและการถือครองของต่างชาติ เพราะมีผลกระทบกับการเคลื่อนไหวของดัชนีค่อนข้างมากในช่วงระยะหลังนี้ โดยภาวะตลาดต่างประเทศ อาทิ สหรัฐ ยุโรป ปรับลดลงในทิศทางเดียวกับไทย สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วโลก


สิ่งที่น่าสนใจคือ จากนี้ยังมีปัจจัยที่เป็นความไม่แน่นอนอีกหลายเรื่องที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ในช่วงนี้อาจมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าเดิม จึงอยากฝากนักลงทุนดูข้อมูลและติดตามผลกระทบให้ดี เนื่องจากปัจจัยความขัดแย้งและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ จะมีผลทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีความผันผวนต่อเนื่องอีกระยะหนึ่งจนกว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น จึงยืนยันว่าหุ้นไทยไม่ได้มีปัญหา พื้นฐานยังแข็งแกร่งในหลายอุตสาหกรรม แต่เป็นไปตามภาวะต่างประเทศเป็นหลัก



“ปัจจัยในประเทศมีผลกดดันตลาดหุ้นไทยมากน้อยเท่าใดนั้น อยากให้รอฟังข้อมูลจากรัฐบาลมากกว่า เพราะ ตลท.ไม่ได้มีข้อมูลดังกล่าว รวมถึงเป็นผู้รับฟังข้อมูลจากรัฐบาลด้วยเช่นกัน โดยสิ่งที่อยากเน้นมากกว่าคือ ให้ดูสภาพเศรษฐกิจที่เป็น และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ดัชนีควรจะเป็นอย่างไรมากกว่าแทน แต่ปัจจัยการเมืองจะเป็นอย่างไรอยากให้นำมาใช้พิจารณาคู่กับสิ่งที่เห็นในปัจจุบัน ส่วนความคืบหน้าการขยายเวลาเปิดตลาดหุ้นไทยเร็วขึ้น และใช้เวลามากกว่าเดิม ยืนยันว่ายังอยู่ในช่วงของการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดหุ้นไทยทั้งหมด จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้” นายภากรกล่าว


การไหลออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ขณะนี้ขายสุทธิสะสมอยู่ที่ 1.7 แสนล้านคน เทียบกับการเข้าซื้อหุ้นไทยประมาณ 2 แสนล้านบาท เมื่อปี 2565 ทำให้มีฟันด์โฟลว์เหลือในตลาดหุ้นไทยอยู่ประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่น่าสนใจคือ ปริมาณการถือหุ้นไทยของต่างชาติมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก หากเทียบเป็นสัดส่วน ย้อนไปเดือนพฤศจิกายน 2565 มีถือครองหุ้นไทย 29% เดือนตุลาคม 2566 ถือครองอยู่ประมาณ 29.31% แต่การปรับลดลงของดัชนีหุ้นไทย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปริมาณเม็ดเงินที่ถือครองหุ้นจาก 5.75 ล้านล้านบาท ลดลงเหลือ 5.02 ล้านล้านบาท ส่วนที่ขายออกไปมากๆ เป็นการถือครองหุ้นไทยระยะสั้นเป็นหลัก ส่วนระยะยาวไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก



นายภากรกล่าวว่า สำหรับการ Forced Sell หรือการบังคับขายหลักทรัพย์ค้ำประกัน และการ Short Sell (การขายชอร์ต) หรือการซื้อขายที่เก็งกำไรจากการลดลงของราคาหุ้นแบบยืมมาขายก่อน มีความจำเป็นต้องทบทวนมาตรการหรือไม่ เบื้องต้นข้อมูลของประเด็นดังกล่าว ตลท.ติดตามประเมินมาตลอดและไม่พบความผิดปกติใด อัตราส่วนการขายชอร์ตเป็นปกติมีอยู่ประมาณ 12% อย่างล่าสุดก็มีประมาณ 11.34% ไม่ได้แตกต่างจากปกติ ทำให้พฤติกรรมการขายชอร์ตหรือฟอสเซล ไม่ได้มีผลทำให้ดัชนีหุ้นร่วงลง


ในส่วนของความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนเนื่องจากหุ้นไทยเผชิญปัญหาความไม่น่าสนใจ และมีการตกแต่งบัญชี มองว่าเป็นปัจจัยคนละปัจจัย เพราะเรื่องความมั่นใจ แม้เป็นสิ่งที่เราพยายามป้องกัน แต่ก็เกิดขึ้นได้หากมีคนโกง ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และไทยมี บจ.อยู่ 900 บริษัทในอดีตอาจยังไม่มีการป้องกันได้มากเพียงพอ แต่ตอนนี้ก็มีการปรับปรุงเรื่องต่างๆ แล้ว รวมถึงขณะนี้สภาพคล่องทั่วโลกก็ลดลงเหมือนกันหมดด้วย



“ขณะนี้หุ้นไทยเคลื่อนไหวตามภูมิภาคเป็นหลัก แต่เชื่อว่าหากปัจจัยลบในต่างประเทศคลี่คลาย โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลางคลี่คลายลง ก็จะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะพลิกกลับมาได้ เพราะปัจจัยพื้นฐานของประเทศไม่ได้มีปัญหา” นายภากรกล่าว




รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Xjeu2JVWnwk


คุณอาจสนใจ