สังคม

รวบหนุ่มแสบ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง หลอกร้านอาหารกว่า 15 ราย สูญรวมเกือบล้าน

โดย paranee_s

13 ต.ค. 2566

276 views

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จับกุม นายจุฬาธิปก อายุ 29 ปี สัญชาติไทย เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, โดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1692/2566 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 จับกุมได้ที่ บริเวณฝ่ายพิธีการเข้าเมือง ชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ


พร้อมด้วยของกลาง จำนวน 5 รายการ

1. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Samsung note 20 ultra 5G จำนวน 1 เครื่อง

2. โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Oppo จำนวน 1 เครื่อง

3. นาฬิกายี่ห้อ Samsung galaxy watch 3 จำนวน 1 เครื่อง

4. กระเป๋าสตางค์ ลาย Supreme สีแดง จำนวน 1 ใบ

5. บัตรบริการเงินด่วน ธนาคารกสิกรไทย จำนวน 1 ใบ


สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนหลายรายถูกหลอกลวงโดยคนร้ายซึ่งปกปิดตัวตน แอบอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักพระราชวัง โดยมีการใช้ไลน์ชื่อ "ฬ.จุฬา", "สำนักพระราชวัง", "wannachai apaiwongse" , "ศ.สถิตย์" , "กรมกิจการพิเศษ ๙๐๔" และ "Chakrabongse ๑๙๐๔" หลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นผู้ประกอบการร้านอาหาร และร้านค้า


โดยอ้างว่าจะพา VVIP ไปใช้บริการที่ร้าน แล้วเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าฉายพระรูป, ค่าเข็มที่ระลึก ฯลฯ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้คนร้ายจำนวนหลายราย จากการตรวจสอบช่วงระหว่างวันที่ 23 มกราคม 2564 - 4 กรกฎาคม 2566 พบผู้เสียหายกว่า 15 ราย และมีผู้เสียหายที่หลงเชื่อจำนวน 9 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเป็นเงิน 908,949.01 บาท


เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน รวมถึงนำข้อมูลแผนประทุษกรรมคดีก่อนหน้าที่มีลักษณะคล้ายกันมาทำการวิเคราะห์จนสามารถระบุได้ว่าตัวคนร้ายผู้กระทำความผิดดังกล่าว คือ นายจุฬาธิปก


จากการสืบสวนพบว่า นายจุฬาธิปกฯ ได้หลบหนีไปประเทศพม่า จึงได้ดำเนินการประสานงานเพื่อสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้รับการประสานจากทางประเทศเมียนมาร์ ผ่านทางเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์

ว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเมียนมาร์ได้พบตัว นายจุฬาธิปก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายจุฬาธิปก เป็นผู้ต้องหาของตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1692/2566 ลงวันที่ 31 พ.ค. 2566 และจะได้ทำการส่งตัวนายจุฬาธิปกฯ กลับมายังประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2566 เวลาประมาณ 09.25 น. ชุดจับกุมได้รับการประสานว่านายจุฬาธิปก จะเดินทางจากประเทศเมียนมาร์มายังประเทศไทย จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไปตรวจสอบ



จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น. พบบุคคลต้องสงสัยลักษณะรูปพรรณสัณฐานตรงตามหมายจับ อยู่บริเวณฝ่ายพิธีการเข้าเมือง ชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต.หนองปรือ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัว พร้อมแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาดูและให้อ่านเองจนเป็นที่พอใจ จากการสอบถามผู้ถูกจับยอมรับว่าตนเองเป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับจริงจึงได้ทำการจับกุมแล้วนำตัวส่ง พงส.กก.2 บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย



จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหายังมีหมายจับในคดีอื่นอีกจำนวน 3 หมายจับ ดังนี้

1. หมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 337/2565 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกง โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง" ท้องที่ สภ.เมืองเชียงราย

2. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 846/2564 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "นำเข้าสู่ระบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น “ท้องที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่

3. หมายจับศาลอาญา ที่ 2952/2566 ลงวันที่ 8 กันยายน 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง”



ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนขอให้ระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อผู้ที่แอบอ้างเป็นสำนักพระราชวัง หรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ ซึ่งจะมีการหลอกให้โอนเงินค่าดำเนินการ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงก่อนจะทำธุรกรรมทางการเงิน หรือดำเนินการใดๆ ก่อนทุกครั้ง

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ