สังคม

แม่ร่ำไห้นั่งกอดรูปลูก ไปทำงานอิสราเอล ติดต่อไม่ได้เกือบสัปดาห์ วอนรัฐบาลช่วยพาลูกกลับบ้าน

โดย paranee_s

12 ต.ค. 2566

181 views

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่บ้านในม.5 บ้านหนองบัวแดง ต.ตะกั่วป่า อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของนางเรื่อง อายุ 70 ปี มารดาของนายไพรัตน์ หรือจ่า แรงงานไทยในอิสราเอล อายุ 40 ปี ที่ขาดการติดต่อกับทางบ้านตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2566 จนถึงขณะนี้ยังติดต่อไม่ได้ มารดาจึงขอให้สื่อมวลชน ช่วยเหลือเป็นสื่อกลาง เผยแพร่ข้อมูลไปยังหน่วยงานราชการและนายกรัฐมนตรีให้ช่วยเหลือพาลูกชายกลับมาหาพ่อแม่ที่บ้านด้วย


ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางถึงที่บ้าน พบว่านางเรื่องและสามี อยู่กับ นางศิริวรรณ อายุ 45 ปี บุตรสาวและเป็นพี่สาวของนายจ่า ซึ่งนางเรื่อง น้ำตาซึมนั่งกอดภาพลูกชายที่ขาดการติดต่อ ขณะที่พี่สาวได้พยายามโทรหาน้องจ่าผ่านทางแชตเฟซบุ๊กแต่ก็ยังไม่สามารถติดต่อได้เหมือนเดิม


นางเรื่อง นั่งกอดรูปถ่ายขอลูกชายที่ใส่เสื้อสีแดง ใส่กรอบเอาไว้ตลอดเวลา โดยกล่าวว่า นายจ่า ลูกชาย เดินทางไปทำงานในสวนเกษตรในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศอิสราเอล ตั้งแต่ปี 2556 มีสัญญาทำงาน 5 ปี 3 เดือน แต่เมื่อทำงานครบสัญญา ลูกชายไม่ยอมกลับบ้าน โดยบอกว่าจะขอทำงานเก็บเงินส่งมาให้แม่ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และความรู้ทางการเกษตรกลับบ้าน เพื่อมาทำสวนเกษตรที่บ้านตัวเอง


“ลูกชายทำงานเก็บเงินส่งเงินมาเข้าบัญชีแม่ทุกเดือน แม่ก็ใช้หนี้และเก็บเงินไว้ให้ลูกชายมาตลอด ไม่มีหนี้แล้ว แต่ลูกชายไม่ยอมกลับบ้าน ยังหลบหนีหางานทำตามสวนเกษตรและอาศัยหลบซ่อนตัวอยู่ในแคมป์คนงานที่ประเทศอิสราเอลเรื่อยมา แต่ไม่เคยขาดการติดต่อ และไม่เคยขาดการส่งเงินมาให้แม่ จนกระทั่งเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ที่ลูกชายบอกว่า จะไม่ได้ส่งเงินให้แม่แล้ว เพราะไม่ค่อยมีคนจ้างทำงาน และถ้าเก็บเงินได้จะกลับบ้านเรา จากนั้นก็มีเพียงการติดต่อทางโทรศัพท์กับหลานสาวและพี่สาว


และครั้งล่าสุดติดต่อมาเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 แล้วก็หายไป จนกระทั่งเกิดเหตุรุนแรงขึ้นในอิสราเอล มีคนไทยตาย เจ็บและถูกจับเป็นตัวประกันไปหลายคน จึงเกรงว่าลูกชายจะได้รับอันตราย เพราะติดต่อไม่ได้เลย และลูกชายก็ไม่ติดต่อกลับมา จึงอยากขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการและนายกรัฐมนตรี ช่วยเหลือลูกชายกลับมาหาพ่อแม่ด้วย แม้จะหลบลี้เป็นผีน้อยในประเทศอิสราเอล แต่เขาก็คือคนไทย ช่วยพาลูกชายกลับบ้านมาหาพ่อแม่ด้วย”


นางศิริวรรณ อายุ 45 ปี พี่สาวของนายจ่า กล่าวว่า พ่อแม่มีลูก 3 คน นายจ่าเป็นคนสุดท้อง และเป็นหนุ่มโสด ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ตัดสินใจเดินเรื่องไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลเมื่อปี 2556 เพราะอยากทำงาน ส่งเงินมาให้พ่อแม่ อยู่สุขสบาย และส่วนหลานสาว ที่เป็นลูกสาวของตนเรียนหนังสือ


ซึ่งเมื่อน้องชายไปทำงานก็ มีงานทำในสวนเกษตร ส่งเงินมาให้พ่อแม่ สมความตั้งใจ ส่วนหลานสาวก็ได้เรียนหนังสือตามที่น้าชายอยากให้เรียน จึงไม่มีอะไรที่ต้องห่วงแล้ว แต่น้องชายไม่ยอมกลับบ้าน ยังคงหนีแท็ก เป็นผีน้อยในอิสราเอลเรื่อยมา นับจากวันหมดสัญญาก็น่าจะ 5 ปีแล้ว รวมเวลาอยู่ที่ประเทศอิสราเอลก็ประมาณ 10 ปี


ที่ผ่านมา น้องชายโทรมาหาหลานสาว และโทรมาหาทางบ้านแทบทุกวัน โดยจะบอกทุกครั้งว่า ยังสบายดี แต่ต้องคอยหลบซ่อน เพราะเป็นผีน้อย จะทำงานเก็บเงินเพื่อมาทำสวนเกษตรที่บ้านเรา หลายครั้งที่คุยกัน เกลี้ยกล่อมให้กลับบ้าน แต่น้องบอกว่า ขอเวลาทำงานเก็บเงินอีกหน่อยก็จะกลับแล้ว และอาจจะกลับช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์ปีหน้าที่จะถึงนี้ พ่อก็รอคอยลูกชายกลับมาจนป่วย ร่างกายไม่แข็งแรง มารดาก็เช่นกัน เมื่อเกิดเหตุรุนแรง ครอบครัวก็เป็นห่วงน้องชายจะได้รับอันตราย จึงอยากให้รัฐบาลไทยช่วยพานายไพรัตน์ หรือจ่า อายุ 40 ปี คนไทยที่เป็นผีน้อยในอิสราเอลกลับบ้านมาหาพ่อแม่ด้วย


ขณะที่ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า อยากให้ญาติพี่น้องของแรงงานในประเทศอิสราเอล ที่ยังทำงานอย่างถูกต้อง รวมถึงคนที่หนีแท็ก หรือคนที่เป็นผีน้อยนั้น ให้ญาติรีบแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านของตนเอง เพื่อจะได้มีข้อมูลของแรงงานไทยในอิสราเอลที่เป็นปัจจุบัน เพราะคนที่เป็นผีน้อย เขาไม่กล้าปรากฏตัวหรือมาแจ้งกับทางการ ฉะนั้นพ่อแม่ญาติพี่น้องเท่านั้นที่รู้ข้อมูลที่แท้จริง จึงจำเป็นที่จะต้องมาแจ้งข้อมูลกับทางราชการโดยเร็ว ว่าลูกหลานทำงานอยู่จุดใด จะได้ช่วยเหลือให้ทุกคนได้กลับบ้านมาหาพ่อแม่

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ