แรงงานไทยในอิสราเอล เดินทางกลับถึงไทย เผยสงสารเพื่อนคนไทยเสียชีวิตในฉนวนกาซา

วันนี้ (11 ต.ค. 66) เมื่อเวลา 11.51 น. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เครื่องบินของสายการบิน ELAL (แอลอัล) เที่ยวบิน LY81 ที่เดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทีมข่าวได้พบกับคนไทยที่เดินทางมาในเที่ยวบินดังกล่าว โดยมีทั้งแรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล และคนไทยที่เดินทางไปเทศกาลอยู่เพิงของศาสนาคริสต์ในกรุงเยรูซาเล็ม

นายวีรศักดิ์ หรือ นิก ชาวอำเภอหนองสองห้อง จ.ขอนแก่น แรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เปิดเผยความรู้สึกครั้งแรกที่เดินทางถึงประเทศไทย ว่ารู้สึกดีใจที่ได้กลับบ้านแล้ว โดยตนเองไปทำงานฟาร์มวัวในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งสถานการณ์ยังปกติอยู่ แต่การใช้ชีวิตก็ต้องอยู่แบบระแวง เพราะได้ยินเสียงการสู้รบกันเป็นระยะ ส่วนใหญ่จะได้ยินเสียงตอนกลางคืน ทั้งเสียงระเบิด เสียงปืน โดยแคมป์คนงานที่พักอาศัยอยู่นั้น อยู่ห่างจากพื้นที่สู้รบประมาณ 100 กิโลเมตร แต่นายจ้างก็บอกให้ไปหลบอยู่ในบังเกอร์ ซึ่งเป็นหลุมหลบภัยใต้ดิน


ส่วนที่ได้เดินทางกลับมาวันนี้ เพราะอยู่ทำงานครบสัญญา 5 ปีครึ่งแล้ว จึงได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้ ซึ่งถือว่าเป็นความโชคดี ทั้งนี้ ตนทราบข่าวว่า มีคนขอนแก่นบ้านเดียวกัน ที่ไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ของอิสราเอล เสียชีวิตไปหลายคน ซึ่งรู้สึกเสียใจและสงสาร และที่อิสราเอลก็ยังมีเพื่อนแรงงานคนไทยเสียชีวิตอีกเยอะมากกว่าจำนวนที่ปรากฏในข่าว บางพื้นที่เจ้าหน้าที่ยังเข้าไปไม่ถึง

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า การให้ความช่วยเหลือจะเลือกช่วยเฉพาะกลุ่มนั้น นายวีรศักดิ์ บอกว่า ทางอิสราเอลได้ให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ในเบื้องต้น บางพื้นที่ที่ปลอดภัย นายจ้างก็จะเอาแรงงานไทยไปฝากให้อยู่ก่อน ไม่ใช่เอาไปขายต่ออย่างที่เป็นข่าว

นายวีรศักดิ์ ยังเล่าถึงการใช้ชีวิตของแรงงานไทยในอิสราเอล ว่าเงินดี ได้เยอะกว่าทำงานบ้านเรา อยู่ไทยทำงานทั้งวันได้วันละ 300-400 บาท แต่ที่อิสราเอลได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท และตลอด 5 ปีที่ทำงานที่นั่น ก็ยังไม่เคยเจอกับเหตุการณ์สู้รบที่รุนแรงเท่าครั้งนี้ และไม่คิดว่าจะยิงคนไทยแบบไม่เลือกหน้า และได้ยินคนเล่าว่า เข้ามาก็ยิงกระหน่ำเลย โดยหลังจากนี้ก็คงไม่ไปทำงานที่อิสราเอลแล้ว เพราะพ่อแม่เป็นห่วง ตอนที่เกิดเหตุก็โทรมา นอนไม่หลับกันทั้งครอบครัว

ขณะที่ นายรัฐพงษ์ แรงงานไทยอีกหนึ่งคน ที่เดินทางกลับมากับเที่ยวบินนี้ บอกว่า รู้สึกดีใจอย่างมากที่เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยอย่างปลอดภัย ซึ่งตนเดินทางกลับมาตามกำหนดครบสัญญา 5 ปีครึ่งพอดี แล้วได้จองตั๋วล่วงหน้าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

นายรัฐพงษ์ บอกเหตุผลว่าที่เลือกไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เนื่องจากต้องการที่จะมีเงินเก็บ เพราะรู้มาว่าทำงานที่นั่นได้ค่าตอบแทนดี โดยจุดที่ตนอยู่นั้น เป็นทางภาคกลาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่มีการสู้รบกัน แต่ในช่วงกลางคืนก็มักจะได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด ซึ่งจุดที่อยู่นั้นก็ค่อนข้างที่จะปลอดภัย

นายรัฐพงษ์ ยังบอกอีกว่า มีเพื่อนแรงงานที่รู้จัก ก็อยากที่จะเดินทางกลับมา แต่ยังคงลังเลและขอดูสถานการณ์ต่อไปอีกซักระยะก่อน

ด้าน นายพิเชษฐ คนไทยที่เดินทางไปร่วมเทศกาลอยู่เพิงของศาสนาคริสต์ที่กรุงเยรูซาเล็ม บอกว่า ตนเดินทางไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมเทศกาลนี้ทุกปี โดยปีนี้เดินทางไปอยู่ได้ประมาณ 10 วัน ซึ่งจุดที่อยู่นั้น ถือว่ามีความปลอดภัยสูงสุด แต่ยอมรับว่าได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิดอยู่ แต่ด้วยความที่จุดที่มีการสู้รบอยู่ห่างออกไปทางชายแดน จึงค่อนข้างไม่กังวล และทุกครั้งที่มีการปะทะกันเกิดขึ้น ก็จะมีสัญญาณแจ้งเตือนจากทางการมาตลอด เพื่อให้มีการเตรียมพร้อมเข้าหลุมหลบภัย และระมัดระวังตัวเอง

ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดในวันที่ตนเดินทางกลับออกมา ที่กรุงเทลอาวีฟ มีทหารตรึงกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะบริเวณโดยรอบสนามบิน แต่สถานการณ์ถือว่ายังปกติ เพราะไม่ใช่จุดที่มีการสู้รบ พร้อมยืนยันว่า ขณะนี้ ประเทศอิสราเอลไม่ได้มีการปิดน่านฟ้า ยังมีเครื่องบินสามารถบินเข้าออกได้ แต่หากสายการบินไหนที่จะต้องบินผ่านหรือเข้าใกล้กับพื้นที่จุดปะทะทางใต้ ก็อาจจะต้องถูกยกเลิกเที่ยวบินไป โดยในวันนี้ เที่ยวบินที่ตนเดินทางมา มีกลุ่มคนไทยที่ไปร่วมเทศกาลอยู่เพิง ประมาณ 50 คน และมีแรงงานไทยประมาณ 5-6 คน เดินทางกลับมาพร้อมกัน

ส่วนการร้องขอความช่วยเหลือจากแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล เท่าที่ได้พูดคุยกับแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาพร้อมกัน ทราบว่า ส่วนใหญ่มีความต้องการที่จะรีบเดินทางกลับ เพราะทางกลุ่มกองกำลังติดอาวุธมักจะเลือกใช้วิธีทำร้ายแบบไม่เลือกหน้า เลือกชนชาติ


สำหรับแรงงานไทยที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือนั้น จะเดินทางออกจากประเทศอิสราเอลคืนนี้ และจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค. 66) ด้วยสายการบินแอลอัลเช่นกัน โดยเที่ยวบินแรก LY081 จำนวน 5 คน จะมาถึงในเวลา 10.35 น. และเที่ยวบินที่สอง LY083 จำนวน 10 คน จะมาถึงเวลา 12.35 น. ของวันพรุ่งนี้