สังคม

ข้าราชการหญิงวัย 50 ปี โดนมิจฉาชีพอ้างมีพัสดุตกค้าง ดูดเงินหมดบัญชี สูญ 1.1 ล้านบาท

โดย paranee_s

11 ต.ค. 2566

3.2K views

วันนี้ (11 ตุลาคม 2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ จ.นครพนม กลายเป็นภัยสังคมชาวบ้านตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก สำหรับมิจฉาชีพ ใช้กลโกงทางออนไลน์ ดูดเงินในบัญชี ได้รับความเสียหายหลายราย เช่นเดียวกันกับข้าราชการ หญิง อายุ 50 ปี รายหนึ่ง ชาว อ.นาแก จ.นครพนม ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ รวมถึงแฉข้อมูล กลโกงของมิจฉาชีพออนไลน์ เพื่อเตือนภัยสังคม เนื่องจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรมาหลอกให้กรอกข้อมูลยืนยันตัวตน เพื่อรับพัสดุสินค้า


ประจวบเหมาะกับมีการสั่งสินค้าทางออนไลน์ จึงหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ พร้อมกรอกข้อมูลยืนยันตัวตน ถ่ายหน้าบัตรประชาชน รวมถึงกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก พร้อมสแกนใบหน้า จนมารู้ทีหลังว่า สุดท้ายเงินในบัญชีธนาคาร ที่เปิดรับเงินเดือน รวมถึงเงินเก็บมาทั้งชีวิต สูญหายประมาณ 1.1 ล้านบาท ไม่เหลือในบัญชีไว้แม้แต่บาทเดียว


ภายหลัง จึงนำหลักฐาน เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.นาแก เพื่อดำเนินการประสาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการสอบสวนเอาผิด พร้อมเรียกร้องปราบปรามอย่างจริงจัง เนื่องจากปัจจุบันมีชาวบ้านหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก อีกทั้งแจ้งเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนตัว หากมีแก๊งคอลซ็นเตอร์ โทรตอดต่อมาอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ หรือพนักงาน จากหน่วยงานต่างๆ


สอบถาม ข้าราชการ หญิง อายุ 50 ปี ชาว อ.นาแก จ.นครพนม เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุขณะทำงานในที่ทำงานปกติ ได้มีเบอร์ศัพท์หมายเลขแปลกโทรเข้ามาหา เป็นเสียงผู้หญิง อ้างว่ามีพัสดุตกค้าง ยังไม่สามารถนำจ่ายได้ ประจวบเหมาะกับตนมีการสั่งสินค้าออนไลน์ จึงหลงเชื่อ เพราะมีชื่อข้อมูลถูกต้อง โดยไม่เอะใจ จากนั้นทางแก๊งมิจฉาชีพ ใช้กลโกงให้หลงเชื่อกรอกข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันที่ส่งมาทางข้อความแบบไม่ทันตั้งตัว และไม่ทันระวัง จึงทำตามทุกขั้นตอน พร้อมยืนยันตัวตนด้วยการถ่ายภาพบัตรประชาชน และกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก


จนกระทั่งผ่านไป กว่า 30 นาที มาพบว่าแปลกใจโทรศัพท์มือถือ มีอาการแปลกไม่สามารถใช้งานได้ จึงทำการปิดเปิดเครื่องใหม่ พบว่ามีบางแอปพลิเคชันหายไป รวมถึงแอปพลิเคชันบัญชีออนไลน์ ธนาคารกรุงไทย สุดท้ายตรวจสอบ พบว่าเงินในบัญชีหายหมด กว่า 1.1 ล้านบาท เป็นเงินเก็บมาทั้งชีวิต ไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว แทบเป็นลม รวมถึงหลักฐานต่าง ๆ ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือหายหมด จึงรู้ตัวว่าถูกแฮ็กข้อมูลในมือถือ เพื่อดูดเงินจากบัญชี ตรวจสอบหลักฐานจากธนาคาร พบมีการโอนออกจากบัญชีไป 3 ครั้ง มีชื่อบัญชีไม่ซ้ำกัน จึงได้นำหลักฐานส่งให้ตำรวจสืบสวนดำเนินคดี เชื่อว่าเป็นบัญชีม้า รับจ้างเปิดบัญชีเพื่อกลโกง


นอกจากนี้แก๊งมิจฉาชีพยังแฮ็กแอปพลิเคชันไลน์ ทักไปยืมเงินกับเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่หลงเชื่อ โทรมาสอบถาม จึงรู้ว่าเป็นมิจฉาชีพ จึงนำเอกสารหลักฐานไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อติดตามดำเนินคดีกับคนผิด ส่วนหนึ่งยอมรับว่าคงยากที่จะได้เงินคืน แต่อยากออกมาแฉกลโกง เตือนภัยสังคมให้ระมัดระวัง หาทางป้องกัน และอย่าหลงเชื่อ ถือเป็นอุทาหรณ์ไม่อยากให้เกิดกับคนอื่น พร้อมเรียกร้องให้ตำรวจ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอย่างจริงจัง ถือเป็นภัยสังคมที่น่าห่วง เชื่อว่ามีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ