สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 10 ต.ค.66 มติสว.อุ้ม อุปกิต-อพยพแรงงานไทยในอิสราเอล-เร่งล่าหนุ่มพม่าฆ่าท่านทูต

โดย thichaphat_d

10 ต.ค. 2566

21 views

1.เปิดคลิปสุดท้ายแรงงานไทย ก่อนถูกจับเป็นตัวประกัน ยังไม่รู้ชะตากรรม

เผยคลิปสุดท้ายแรงงานไทยในอิสราเอล ก่อนถูกจับเป็นตัวประกัน ยังไม่รู้ชะตากรรม พ่อเผยติดต่อลูกไม่ได้ 3 วันแล้ว ห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ตระเวนบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ลูกชายปลอดภัย

ด้านพ่อแม่ เคน-สมควร พันสะอาด แรงงานไทยที่ถูกยิงเสียชีวิต ร่ำไห้หลังรู้ข่าวลูกชาย ดูคลิปแล้วจำลายกางเกงได้ วอนภาครัฐช่วยนำศพกลับสู่บ้านเกิด

2.กระทรวงแรงงาน เผยอพยพแรงงานไทยในอิสราเอลล็อตแรก ถึงไทย 12 ต.ค.นี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แจ้งข่าวดี เตรียมอพยพแรงงานไทยในอิสราเอล ล็อตแรก 15 คน โดยสายการบินพาณิชย์ 2 เที่ยวบิน กลับถึงไทย 12 ตุลาคมนี้ เที่ยวบินแรกถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 10.35 น. ส่วนอีก 256 คน ได้รับการช่วยเหลือมาศูนย์หลบภัยแรงงานของอิสราเอลแล้ว

ขณะที่กองทัพอากาศเตรียมเครื่องบิน C-130 และ A-340 พร้อมชุดแพทย์ฉุกเฉิน เตรียมพร้อมรับคนไทยและผู้เสียชีวิตกลับบ้าน ด้านนายกฯ เศรษฐา สั่งสถานทูตไทยในแต่ละพื้นที่ติดต่อมิตรประเทศ เพื่อช่วยประสานการปล่อยตัวแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน

3.ตร.เร่งล่า เบนซ์ มาบแค หลังยิงคู่แข่งดับคาสนาม

ตำรวจค้นบ้านล่าตัว เบนซ์ มาบแค เซียนไก่ชนนครปฐม หลังยิงคู่แข่งดับคาสังเวียน แม่วอนมอบตัว ขอตำรวจอย่าทำอะไรรุนแรง ด้านเพื่อนผู้ตายเผยปมแค้น ไก่ชนเงินล้านของคนร้าย แพ้ไก่โนเนมของผู้ตาย เสียเงินพนันใต้โต๊ะนับล้าน จึงสร้างสถานการณ์ยิงคู่กรณีก่อนจะหนีหนี้พนัน

ขณะที่เมียและแม่ของผู้ตายหวั่นคดีเงียบ เพราะคนร้ายเป็นคนดัง มีอิทธิพล ด้านอนุทิน ควงชาดา ติดตามคดี ลั่นไก่ชนเป็นกีฬา ไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องคุมเข้มเรื่องปืนและผู้มีอิทธิพล ล่าสุด ผู้ว่าฯ นครปฐมสั่งเพิกถอนใบอนุญาตสนามชนไก่ชั่วคราวแล้ว

4.ตร.เชื่อมือฆ่าอดีตทูต หนุ่มเมียนมา หลบหนีข้ามประเทศ

ผบก.น.2 เชื่อหนุ่มเมียนมาฆ่าอำพราง อดีตเอกอัครราชทูต ก่อเหตุเพียงคนเดียว พบทั้งคู่มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ชี้คนร้ายลงมือเลือดเย็น ขู่บังคับเอารหัสกดเงินธนาคาร เมื่อได้แล้วกระหน่ำแทงตาย พบโอนเงิน-กดเงิน จากบัญชีผู้ตายหลายครั้ง เปลี่ยนรถแท็กซี่ตระเวนทั่วกรุงเทพ-นนทบุรี ก่อนขึ้นรถโดยสารหมอชิต หนีออกนอกประเทศแล้ว เตรียมออกหมายแดงส่งผู้ร้ายข้ามแดน

5.ศาลให้ประกันตัว อิทธิพล คุณปลื้ม สู้คดีวอเตอร์ฟร้อนท์

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 จังหวัดระยอง สั่งปล่อยตัวชั่วคราว อิทธิพล คุณปลื้ม หลังถูกจับคาสนามบินสุวรรณภูมิ ยื่นเงินประกันตัว 120,000 บาท สู้คดีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีออกใบอนุญาตสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ พัทยา เลื่อนสอบคำให้การเป็นวันที่ 31 ต.ค.นี้ เจ้าตัวอ้างไม่มีเจตนาหลบหนี แต่ติดโควิดระหว่างไปทำภารกิจส่วนตัวที่กัมพูชา อาการหนักต้องเข้าห้องไอซียู ไม่รู้ว่าถูกออกหมายจับ ยืนยันพร้อมสู้คดีในชั้นศาล


เรื่องเล่าการเมือง

- มติสว. อุ้ม อุปกิต ตีตกหมายเรียกตำรวจ


ไฮไลท์การเมืองเมื่อวานนี้ คือ การประชุมวุฒิสภา ได้พิจารณาเรื่องด่วนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอออกหมายเรียก สว.อุปกิต ปาจรียางกูร เพื่อนำตัวไปแจ้งข้อกล่าวหาคดีเกี่ยวกับการฟอกเงินยาเสพติด แต่สุดท้าย ส่วนใหญ่ ไม่ให้ส่งตัว ด้วยมติท่วมท้น 174 ต่อ 7

ในการประชุมวุฒิสภาเมื่อวานนี้ มีการพิจารณาวาระเรื่องด่วน กรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีหนังสือขออนุญาตออกหมายเรียกตัว นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ไปทำการสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา ตามมาตรา 127 แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด

ซึ่งนายศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม ได้แจ้งว่ากระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ระบุว่า ระหว่างสมัยประชุมห้ามจับคุมขัง หรือหมายเรียกตัวส.ส.หรือส.ว.ไปสอบสวน เว้นแต่ได้รับอนุญาต จากสภาที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือเป็นการจับขณะกระทำความผิด ดังนั้นการที่ สตช.มีหนังสือมา ต้องได้รับการอนุญาตโดยการลงมติ

จากนั้น ส.ว.อุปกิต ได้ลุกขึ้นชี้แจง ก็ขอบคุณที่ประชุมวุฒิสภาให้ชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจากถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมได้รับความทุกข์ทรมานมากกว่า 1 ปี

หลักๆ ก็ยืนยันความบริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินยาเสพติด ก็บอกว่า แม้ตนจะประกาศสละสิทธิไม่ขอรับเอกสิทธิคุ้มครอง ก็ทำไม่ได้ เพราะทุกอย่างต้องได้รับการอนุญาตจากที่ประชุมวุฒิสภา จึงแสดงเจตนาพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องรอปิดสมัยประชุมวันที่ 30 ตุลาคมนี้ เพราะไม่ประสงค์ให้ใครเอาไปเป็นประเด็นวิจารณ์วุฒิสภา

และช่วงหนึ่ง ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ว่า "ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ที่ผมยังมีความเชื่อมั่นอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องขอความคุ้มครองใดๆ"

หลัง สว.อุปกิต ได้ชี้แจง ที่ประชุมได้เปิดให้ สว.อภิปรายแสดงความเห็น ส่วนใหญ่แสดงความเห็น เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่เห็นชอบให้นำตัว สว.ไปดำเนินคดี ก็ย้ำมาตรา 125 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เอกสิทธิ์ที่ขอสละได้ เพราะเป็นเรื่องของที่ประชุมสภาที่ต้องทำหน้าที่ เพื่อป้องกันการถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง

พร้อมกับเรียกร้องให้ สตช. ชี้แจงว่า สว.อุปกิตมีความผิด ร้ายแรงถึงขั้นต้องออกหมายเรียกเลยหรือไม่และหากมีความผิดจริง ก็ขอให้พนักงานสอบสวนเข้ามาชี้แจงด้วยตัวเอง ซึ่งเชื่อว่าหากชัดเจน สว. ก็พร้อมที่จะส่งตัว สว.อุปกิต ตามกระบวนการของกฎหมาย

ขณะที่มี ส.ว.บางส่วนอภิปรายสนับสนุนให้ส.ว.ลงมติเห็นชอบ อย่าง สว. อนุสิษฐ คุณากร ให้เหตุผลที่เห็นด้วยตามที่ ผบ.ตร.ทำหนังสือขออนุญาต เพราะหากสว. ปฏิเสธจะทำให้เกิดการวางหลักการ ว่า ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 นั้น สว.ต้องถูกปฏิเสธทุกครั้ง

ท้ายที่สุด สว. ได้ลงมติท่วมท้น 174 ต่อ 7 เสียง ไม่เห็นด้วยกับการออกหมายเรียกตัว สว.อุปกิต ไปสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญาระหว่างสมัยประชุม และมี สว.ที่งดออกเสียง 10 เสียง



-โรม อัดสว. ป้องอุปกิต ข้องใจใช้กลไกสภายื้อ

หลังมติของ สว.ออกมา ก็มี ท่าทีของ สส.รังสิมันต์ โรม จากพรรคก้าวไกล คนอภิปรายเปิดประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ สว.อุปกิต ตั้งคำถามว่าเป็นการปกป้องคนผิดหรือไม่

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่ประชุมวุฒิสภา มีมติไม่อนุญาตให้มีการออกหมายเรียกตัว และส่งตัว คุณอุปกิต ในฐานะผู้ต้องหาคดีอาญา ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งการตัดสินใจไม่ส่งตัวไปรับการแจ้งข้อกล่าวหา เท่ากับว่า สว. กำลังปกป้องคนผิดหรือไม่

ก็บอกว่า คุณอุปกิต ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ไม่ใช่ใช้กลไกของสภา ในการยื้อไว้เช่นนี้

พร้อมตั้งคำถามกลับไปยัง สว.ว่า หากคุณอุปกิต มีความผิดจริง สว.ทั้งหมดที่โหวตปกป้อง จะรับผิดชอบอย่างไร กับการที่ทำให้การบวนการยุติธรรมช้าลง

นอกจากนี้ สส.รังสิมันต์ ยังได้ฝากถึง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ โดยหวังว่า จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งที่ตนต้องการมากที่สุด คือ ต้องการให้กระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา



-คลัง ยันเดินหน้า แจกเงินดิจิทัล เล็งขยายพื้นที่ใช้เงิน

แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนัก แต่ล่าสุดกระทรวงการคลังยังยืนยันเดินหน้าโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อไป โดยมีแนวโน้มจะขยายรัศมีการใช้จากเดิม 4 กิโลเมตร

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวถึงโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท โดนยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นสิ่งที่ชาวบ้านเฝ้ารอ และมีความจำเป็นต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลมีเป้าหมายจะเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ยปีละ 5% ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า หากยังยึดอยู่กับกรอบเสถียรภาพที่เติบโตเฉลี่ย 2% แบบที่ผ่านมา ประชาชนก็จะไม่สามารถหลุดจากกำดักความลำบากได้

แต่รัฐบาลก็พร้อมรับฟังความเห็นที่แตกต่างจากนักวิชาการ เอกชน และรู้สึกดีที่มีบรรยากาศของการวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากหายไปเป็น 10 ปี

ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่จะขยายเงื่อนไขรัศมีการใช้เงินจาก 4 กิโลเมตร ออกไปเพื่อให้เกิดความคล่องตัว อาจเป็นตำบล อำเภอ หรือจังหวัด โดยจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือนนี้ ส่วนที่มาของเงินที่จะใช้ มั่นใจว่าส่วนใหญ่จะมาจากการใช้งบประมาณ



-กรณ์ อัดนโยบายแจกเงินดิจิทัล คิดไม่รอบคอบ มุ่งผลการเมือง

ขณะที่อดีตรัฐมนตรีคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช แสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล บอก รัฐบาลคิดมาไม่ละเอียด เป็นการหวังผลทางการเมืองมากกว่า ซึ่งภาวะปัจจุบันไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีนี้ และมีช่องทางรั่วไหลด้วย

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ และเคยมีประสบการณ์ในการแจกเงินให้ประชาชนในโครงการ "เช็คช่วยชาติ" ในปี 2552 จากช่วง "วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์" ให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในรายการกรรมการข่าวคุยนอกจอ แสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล

โดยมีเหตุผลหลัก ๆ 3 ข้อ คือ

1.ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ถึงจะไม่ถือว่าดี แต่ก็ไม่ได้วิกฤตถึงขั้นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินให้ประชาชน คุณกรณ์บอก ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ร่ำรวยจากการที่รัฐบาลแจกเงินประชาชน

2.โครงการนี้มีช่วงทางรั่วไหล เพราะประชาชนก็อยากได้เงินสด และบางคนก็อาจต้องการเงินสดไปทำอย่างอื่นที่รัฐบาลไม่อนุญาตให้ทำได้ เช่น นำไปใช้หนี้ ก็จะเป็นช่องทางให้มีการขายเงินดิจิทัลแบบลดราคา ซึ่งจะมีคนที่ได้ประโยชน์จากตรงนี้

3.จะเป็นวัฒนธรรมการหาเสียงที่เป็นอันตราย สร้างภาระหนี้สินให้ประชาชน และยกตัวอย่างกรณีวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ที่รัฐบาลต้องมีการกู้หนี้ประมาณ 1 ล้านๆ ผ่านไป 20 ปี ตอนนี้เงินต้นยังเหลืออีก 6 แสนกว่าล้าน

ทั้งนี้นายกรณ์ มองว่า นโยบายแจกเงินดิจิทัลเป็นนโยบายที่คิดมาไม่ละเอียด หวังผลทางการเมืองมากกว่าการพัฒนา และเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยตอบโต้ความเห็นค้านในเชิงหลักการเศรษฐศาสตร์ มากกว่าที่จะตอบโต้ทางการเมือง หรือด้วยการด้อยค่าผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นคัดค้าน



-ชาดา ยันเหมาะปราบผู้มีอิทธิพล ชี้เป็นบุญประเทศ

การประชุมวุฒิสภาเมื่อวาน สว.วันชัย ตั้งกระทู้ถามเรื่องการปราบปรามผู้มีอิทธิพล มีรัฐมนตรีชาดา ไทยเศรษฐ์ ผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้ มาตอบ คุณชาดา ยืนยัน ตัวเองเหมาะทำหน้าที่ปราบผู้มีอิทธิพล และบอกว่าเป็นบุญของตัวเองและเป็นบุญของประเทศที่เกิดเรื่องนี้พอดีกับตอนมาเป็นรัฐมนตรี

สว.วันชัย สอนศิริ ถามอย่างดุเดือดตั้งแต่ต้นว่า "ประชาชนทั่วไปมีความรู้สึกว่า เราเอานักเลงมาปราบนักเลง เอาเจ้าพ่อมาปราบเจ้าพ่อ เอาผู้มีอิทธิพลแห่งจังหวัดอุทัยธานี มาปราบผู้มีอิทธิพลทั้งประเทศ...จะทำได้จริงหรือ"

นอกจากนี้ ก็ถามว่า ทราบกันดีว่าผู้มีอิทธิพลในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมาจากบ้านใหญ่ ซึ่งครอบคลุมนักการเมือง บางบ้านก็เป็นรัฐมนตรีเสียเอง จึงไม่แน่ใจว่าเป็นการลูบหน้าปะจมูกหรือไฟไหม้ฟางหรือไม่

จะมีกระบวนการการจัดการในรูปแบบใด แปลกแหวกแนวเหมือนที่เคยทำในอดีตหรือไม่ และระยะเวลากว่า 1 เดือนได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง มีอะไรเป็นรูปธรรมแล้วหรือยัง ผู้มีอิทธิพลพอจะหดหัวได้บ้างหรือไม่ หรือเข้ากับสำนวนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่

จากนั้น นายชาดา ตอบกระทู้ว่า เรียกตนว่านักเลง ตนไม่โกรธ เพราะว่านักเลงกับอันธพาลไม่เหมือนกัน ยืนยันว่าจะไม่ทำแบบไฟไหม้ฟางและหวือหวา แต่จะให้จังหวัดโดยกรมการปกครองขึ้นบัญชีและบอกพฤติกรรมด้วยว่าเป็นอย่างไร

การปราบปรามผู้มีอิทธิพลในลักษณะที่ถูกต้อง ต้องเข้าไปดำเนินการทั้งหมด ต้องให้อาณาจักรล่มสลายไปเลย ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลไปติดคุก แต่อาณาจักรผู้มีอิทธิพลยังอยู่

ส่วนเรื่อง "บ้านใหญ่" นายชาดา บอกว่า "บ้านใหญ่ส่วนมากล่มสลายแล้ว บ้านใหญ่รุ่นใหม่คงไม่อาศัยผู้มีอิทธิพลแล้ว เพราะประชาชนไม่เลือก"

และช่วงท้าย นายชาดา ยืนยันว่า ตนมีความเหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่ปราบผู้มีอิทธิพล และถือว่าเป็นบุญของตนและบุญของประเทศที่เข้ามามีเรื่องผู้มีอิทธิพลเกิดขึ้นพอดี


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/DFdJWBoKsvI


คุณอาจสนใจ

Related News