อาชญากรรม

เตือนภัยป้ายยารูดทรัพย์ ชายหลอกเหมาต้นไม้ ให้จับปึกเงิน เจ้าของร้านรู้ทัน ปั่นจักรยานหนีหาย

โดย nut_p

5 ต.ค. 2566

938 views

เจ้าของร้านเตือนภัย มิจฉาชีพป้ายยารูดทรัพย์ หลังมีชายหลอกเหมาต้นไม้ เข้าประชิดตัว ให้จับปึกเงิน แต่เจ้าของร้านรู้ทัน สุดท้ายคนร้ายปั่นจักรยานหนีหาย



ภาพจากกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้าม ตลาดคนเดิน เพลินเมืองพล ตั้งอยู่ริมถนน รามราช ในเขตเทศบาลเมืองเมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น บันทึกภาพมิจฉาชีพเป็นชายรูปร่างผอม สูงประมาณ 170-175 ซม. ใช้ผ้าสีขาวโพกศีรษะ ใส่เสื้อยืดกีฬาแขนยาว ลายโลโก้ สีขาว กางเกงสแลกสี้น้ำตาลเข้ม สวมรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล สะพายกระเป๋าข้างสีน้ำตาล นั่งวินมอเตอไซต์มาลงที่หน้าร้านขายต้นไม้ ก่อนจะมีการยืนคุยกับคนขับวินสักพัก และเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านต้นไม้ในตลาดสองร้านห่างกัน 5 ล็อค ก่อนจะวนเวียนเทียวกลับไปกลับมาอยู่ 3 รอบ โดยรอบที่ 3 มีรถบรรทุก 6 ล้อ ซึ่งเป็นรถรับส่งนักเรียนขับเข้ามาจอดที่ด้านหลังตลาด ก่อนที่เจ้าของร้านขายต้นไม้และคนขับวินมอเตอร์ไซต์จะช่วยกันขนต้นไม้ขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อรับส่งนักเรียนรวมกว่า 400 ต้น จนเสร็จ ก่อนที่ชายดังกล่าวจะหลบหนีไปพร้อมจักรยานยนต์ของเจ้าของร้านขายต้นไม้ 1 ค้น โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วง 06.00 น.-10.30 น. ของวันที่ 4 ต.ค. 2566ที่ผ่านมา ก่อนจะนำเรื่องดังกล่าวโพสต์ในโซเชียลมีเดียต่างๆ



ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 ต.ค.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ ในตลาดคนเดิน เพลินเมืองพล โดยได้พบกับนางบรรจงจิต อายุ 54 ปี นายสุพจน์ อายุ 59 ปี สองเจ้าของร้านต้นไม้ภายในตลาดที่มิจฉาชีพรายดังกล่าวเข้ามาทำทีเป็นลูกค้าสั่งต้นไม้ โดยเหมาทั้งหมดที่มีในร้าน นายสุกิจ อายุ 54 ปี และนายเลิง อายุ 64 ปี สองคนขับวินมอเตอร์ไซต์ที่ถูกมิจฉาชีพรายดังกล่าวหลอกให้หารถบรรทุกมาขนต้นไม้ และช่วยยกขึ้นรถ โดยจ้างรวมในราคา 1,000 บาท เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวว่าฟัง



เหตุการณ์เริ่มต้นช่วงเช้ามืดเมื่อวานที่ผ่านมา คนร้ายมาติดต่อหาวินมอเตอร์ไซต์ที่ บขส.เมืองพล โดยบอกว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ หอบเงินมาซื้อต้นไม้ไปประดับบ้านสร้างใหม่ อยู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น และต้องการให้ช่วยหาร้านขายต้นไม้ ซึ่งมีนายสุกิจ คนขับวินฯ พาไปเลาะหาร้านต้นไม้ โดยขับวนอ้อมตัวอำเภอพล ก่อนจะมาจอดที่ตลาดต้นไม้แห่งนี้ แล้วลงไปเจรจาซื้อต้นไม้ที่ร้านของนาง บรรจงจิต ซึ่งเป็นเจ้าของร้านต้นไม้ร้านแรกเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า 6 โมงเช้าแฟนขับกระบะลูกสาวมาที่บ้าน บอกแม่ว่ามีชายคนนึงมาจากอิสราเอล ควักเงินเป็นปึกมาให้ดู คะยั้นคะยอจะให้พ่อจับเงิน แต่พ่อไม่จับ พ่อจึงรีบมาตามแม่ให้รีบมาดู ตนเองจึงมาที่ร้าน จอดรถฝั่งตรงข้าม พอเดินไปที่ร้าน ชายดังกล่าวลักษณะเหมือนจะมาจับตัว ตนเองจึงบอกอย่ามาใกล้ ก่อนที่ชายคนนั้นจะเล่าว่ามาจากประเทศอิสราเอล จะมาเหมาต้นไม้แม่ จะเอารถสิบล้อมาเหมา แล้วทำท่าโทรศัพท์ซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่าคุยกับใคร แล้วก็ออกไป โดยบอกจะกลับมาใหม่



ก่อนที่จะนั่งวินฯกลับไปที่บขส. และจ่ายเงินค่าโดยสารเป็นเงินจำนวน 200 บาท ซึ่งคนร้ายบอกกับคนขับวินว่าให้หารถบรรทุกมาช่วยขนต้นไม้ เพราะจะเหมาต้นไม้ไปตกแต่งบ้าน แต่คนขับบอกว่าไม่รู้จักให้ไปถามกับคนคนขับรับจ้างที่อยู่ใกล้ แต่รถไม่ว่างเนื่องจากติดรับงานอื่น ทำให้ชายดังกล่าวโมโห กระทั่งได้ไปเจอกับนาย เลิง คนขับวินอีกคน โดยคนร้ายบอกว่าให้ค่าจ้างและค่าแรงช่วยขนต้นไม้ขึ้นรถรวมเป็นเงิน 1,000 บาท ก่อนจะได้รถบรรทุก 6 ล้อรับส่งนักเรียน ขับมาจอดที่ตลาด ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ไปเหมาร้านต้นไม่อีกร้าน ก่อนจะขนต้นไม้จำนวนกว่า 400 ต้นขึ้นรถจนเสร็จ และย้อนกลับมายังร้านแรกอีกครั้ง โดยเข้ามาที่ด้านหลังร้านขอเหมาซื้อต้นไม้ทั้งหมด แต่จะขอไปกดเงินเพราะเงินไม่พอ และเหมือนจะพยายามให้เจ้าของร้านเอาต้นไม้ใส่ถุงให้ ซึ่งเจ้าของร้านจะต้องก้มจึงเกิดการระวังตัวกลัวคนร้ายจะเตะแล้วชิงทรัพย์ จึงบอกว่าถ้าจะไปกดเงินก็ไปกดก่อนก็ได้ค่ะ เพราะมีลูกค้าอีกคนเข้ามาพอดี จึงไปบอกสามีและลูกให้มาดูช่วยกัน ก่อนที่คนร้ายจะไปอีกร้าน เจ้าของร้านจึงจะตะโกนเรียกคนร้าย แล้วคนร้ายจึงตะโกนบอกกลับมาว่า พี่เดี๋ยวจะมาซื้อร้านพี่เด้อ แล้วก็ไป ตนเองก็งง ว่าเมื่อเช้าบอกว่าแม่ ตอนนี้เรียกว่าพี่ และเข้าร้านแรก 3 รอบ พยายามให้เจ้าของร้านจับเงิน ดูเงินที่ขนมา ว่ามีเยอะเพียงพอจะเหมาต้นไม้ แต่ไม่มีใครจับเพราะกลัวจะโดนป้ายยารูดทรัพย์ไป



โดยนายสุพจน์ เจ้าของร้านต้นไม้อีกคน ซึ่งคนร้ายมาเหมาต้นไม้ทั้งหมดเช่นกัน พาผู้สื่อข่าวดูต้นไม้ชนิดต่า ๆ ที่ขนขึ้นรถ 6 ล้อที่คนร้ายหลอกจ้างมารวมกว่า 400 ต้น ทั้งต้นโมก ต้นสาริกาล้อมเพชร ต้นไผ่ ต้นมมะม่วง และต้นไม้มงคลอีกหลายชนิด โดยก่อนจะตกลงขายให้นั้นได้ให้ภรรยาทำบัญชีเอาไว้ด้วย ก่อนจะช่วยกันขนขึ้นรถ 6 ล้อ โดยมีคนขับวินฯ ที่คนร้ายหลอกจ้างมาอีกคนมาช่วยขนจนเสร็จ ก่อนสุดท้ายคนร้ายไม่มีโอกาสลงมือก่อเหตุ จึงขอยืมรถจักรยานยนต์คนขับวินฯไปกดเงิน แต่คนขับไม่ให้ บอกถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน จึงย้อนไปที่ร้านแรกโดยจะขอยืมรถจักรยานยนต์ไปกดเงิน แต่เจ้าของร้านบอกไม่มี มีแต่จักรยาน คนร้ายจึงขอยืมอ้างว่าจะไปกดเงินมาเพิ่มเพราะเงินไม่พอ ก่อนจะปั่นจักรยานหลบหนีเข้าซอยฝั่งตรงข้ามไป



กระทั่งทุกคนเอะใจรู้ตัวว่าถูกหลอกทุกคน ก่อนทุกคนจะช่วยกันขนต้นไม้ทั้ง 400 ต้นลงมาจากรถ ตนเองเห็นใจจึงให้เงินคนขับวินฯและเจ้าของรถ 6 ล้อรับส่งนักเรียนไปคนละ 100 บาท แล้วแยกย้ายกันไป



โดยเจ้าของร้านต้นไม้ทั้งสองร้านบอกกับผู้สื่อข่าวอีกว่า ตั้งแต่ชายดังกล่าวเข้าร้านมาก็ไม่ได้เอะใจหรือสงสัย เพราะคนร้ายลักษณะการแต่งตัวดี พยายามโชว์เงินให้เห็นตลอดจนดีใจหลงเชื่อว่าเป็นลูกค้าจริง ๆ มาเหมาต้นไม้ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดการค้าขายก็ไม่ดีเหมือนเดิม กระทั่งครั้งนี้มีลูกค้ามาเหมา แต่สุดท้ายก็ถูกหลอก แต่โชคดีที่ไม่เสียทรัพย์สินอื่นๆ ส่วนรถจักรยานนั้น มีพลเมืองดีพบเห็นทิ้งไว้ริมถนนมิตรภาพ จึงนำมาตามหาเจ้าของกระทั่งพบเจ้าของนำมาส่งคืนให้ ซึ่งเจ้าของได้ให้ค่าจ้าง 20 บาท ก่อนจะนำเรื่องราวออกมาเตือนภัยผ่านทางโซเชียล เพราะในส่วนของตำรวจเองไม่สามารถช่วยเหลือได้เพราะไปแจ้งความแล้วแต่ยังไม่มีทรัพย์สินสูญหายถูกขโมยไป จึงอาศัยการเตือนภัยในโซเชียลจะได้ระมัดระวังตัว เพราะไม่รู้ว่าเป็นการป้ายยาหรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News