เลือกตั้งและการเมือง

"จุลพันธ์" เปิดรายชื่อคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต มั่นใจระบบบล็อกเชน

โดย nutda_t

3 ต.ค. 2566

1.2K views

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงประเด็น ดิจิทัลวอลเล็ต ว่ากระทรวงการคลังได้เสนอเรื่องต่อครม. แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ทางดิจิทัลวอลเล็ต โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีรองประธาน 4 คน คือนายภูมิธรรม เวชยชัย , นายปานปรีย์ พหิทธานุกร , นายอนุทิน ชาญวีรกูล และนายประเสริฐ จันทรวงทอง และมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 2 คน รวมถึงปลัดกระทรวงการคลัง ดีอีเอส กฤษฎีกา อัยการ สูงสุดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นคณะกรรมการ ซึ่งทำให้องค์ประกอบครบองค์คาพยพ

คณะกรรมการชุดนี้ จะมีหน้าที่ติดตามตรวจสอบว่าการดำเนินการราบรื่นหรือไม่ รวมถึงสรุปผลว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่อย่างไร เพื่อให้คณะกรรมการชุดนี้ รายงานต่อทางคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบต่อไป แล้วจะมีการประชุมนัดแรกภายในสัปดาห์นี้ เพื่อมอบนโยบายเกี่ยวกับการเติมเงิน 10,000 บาท และตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย พี่จะไปรวบรวมประเด็นรายละเอียดเสนอชุดใหญ่ โดยจะมีตนเป็นประธานและมีเลขานุการ

ส่วนที่จะนำเทคโนโลยี blockchain มาใช้ ยืนยันว่าได้คุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย เบื้องต้นไม่ขัดต่อตัวบทกฎหมายใดๆ จึงไม่ใช่ปัญหา และยืนยันว่าเบื้องหลังเทคโนโลยีที่ใช้คือ เทคโนโลยีblockchain ก็เป็นกลไกที่โปร่งใส เพราะไม่มีเทคโนโลยีใดที่โปร่งใสเท่าอีกแล้ว และคงไม่เปิดเผยรายละเอียดทางด้านเทคนิคที่นำมาใช้

ส่วนการเปลี่ยนเงินดิจิทัลมาเป็นเงินบาท ได้เฉพาะคนที่อยู่ในฐานภาษี ส่วนร้านรายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบ ไม่สามารถแลกเป็นเงินบาทได้ แต่เอาไปใช้หมุนเวียนแทน พร้อมกันนี้ยืนยันไม่มีประเด็นปัญหากับแบงก์ชาติ ย้ำอีกครั้งว่าเป็นเหมือนกันสร้างกระเป๋าตังค์ใหม่ คือกระเป๋า Digital wallet เป็นกลไกแลกเปลี่ยน ค้าขาย แล้วมองไปถึง Super App เป็นกระเป๋าหลักของคนไทยในกรณีที่เดินทางไปต่างประเทศในอนาคต ใช้ทางการค้าขายได้อย่างครอบคลุม

ส่วนระยะทางในการใช้รอบที่อยู่อาศัย 4 กิโลเมตร ได้รับฟังความเห็น ควรขยายกรอบพื้นที่ แต่ต้องรอคณะกรรมการ และยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี ไม่เคยให้สัมภาษณ์กรณีจะขยายกรอบหนี้มาตรา 28 เพราะยังยึดมั่นกลไก และมีทางเลือกสำหรับรัฐบาล สุดท้ายอนุขับเคลื่อนก็จะเสนอแนวทางเลือกต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

สำหรับประเด็นที่ถูกต้องข้อสังเกตว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ค้ารายใหญ่ นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า สิ่งที่ทำคือไม่มีการกันใครออกจากระบบ ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายใหญ่ อยู่ในระบบฐานภาษีหรือไม่ แต่ก็ยืนยันว่าเม็ดเงินจะหมุนอยู่ในชุมชน แล้วจะมีกลไกอื่นมาช่วยอีก โดยเดือนตุลาคมนี้ จะต้องจบ ในส่วนของรายละเอียดต่างๆ และจะเริ่มใช้ได้เดือนกุมภาพันธ์ 2567

นายจุลพันธ์ ยืนยันที่จะทำให้ตามเป้า 5% ต่อปี ด้วยกลไกเศรษฐกิจ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นการเติบโตระดับ 5% มานานมาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีความมั่งคั่งมากขึ้น แต่ไม่สามารถตอบเป็นตัวเลขได้ว่าประชาชนจะรู้สึกรวยขึ้นได้หรือไม่อย่างไร แต่ทุกคนจะรู้สึกว่าดีขึ้น และไม่สามารถตอบได้ว่ามีนายกฯชื่อเศรษฐาจะทำให้ประชาชนเป็นเศรษฐี ทำดีทุกโครงการ มีประโยชน์แล้วต้องการเดินหน้าให้สำเร็จ เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

เมื่อถามว่าใครจะรับผิดชอบ หากโครงการนี้เกิดพลาดมา นายจุลพันธ์ ตอบว่าคำถามนี้ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ชัดเจน และส่วนตัวเป็นนักการเมือง หากเกิดความเสียหายประเทศล่มจม ทุกคนที่นั่งตรงนี้ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างน้อยประชาชนก็ไม่เลือกกลับเข้ามา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบเบื้องต้น และถ้ามีการทุจริตคอร์รัปชัน ทุกคนก็พร้อมรับผิดชอบโดยไม่มีปัญหา แต่ขออย่าถามเรื่องอารมณ์ความรู้สึก ส่วนกรณีที่คนที่จะต้องใช้ไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาไปใช้ได้นั้น รับไว้พิจารณา แต่รัฐบาลอยากให้มีการเดินทางกลับไปใช้ที่บ้านเกิด เพราะอยากให้กลับบ้าน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ