เลือกตั้งและการเมือง

'ปดิพัทธ์' แขวะ พท.เล่นใหญ่ เตรียมร้องศาล รธน. - 'วิปรัฐบาล' ยันต้องริบ กมธ.ก้าวไกล หลังขับหมออ๋อง

โดย nattachat_c

3 ต.ค. 2566

22 views

วานนี้ (2 ต.ค. 66) นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล แถลงภายหลังการประชุมวิปรัฐบาล ว่า จากเดิมที่ มติพรรคเพื่อไทยจะเสนอญัตติด่วน ให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 ภายหลังถูกพรรคก้าวไกลขับออกจากพรรค


แต่จากการหารือในที่ประชุมวิปรัฐบาล เห็นว่า ไม่ควรนำเรื่องนี้มาพูดคุยที่ประชุมสภาฯ เพราะอาจโดนครหาเรื่องเสียงข้างมากลากไป ฉะนั้น จึงมีมติว่า ฝ่ายรัฐบาล จะใช้ช่องทางยื่นไปยังองค์กรอิสระแทน เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ โดยเบื้องต้น การขับนายปดิพัทธ์ ไม่เป็นไปตามข้อบังคับของพรรคก้าวไกล ข้อ 64 (5) ที่กำหนดว่าจะขับออกได้ก็ต่อเมื่อทำผิดวินัยร้ายแรง หรือผิดจรรยาบรรณ หรือมีเหตุการณ์ร้ายแรงอื่น ซึ่งก็ไม่ได้เข้าเงื่อนไขใด


ส่วนจะยื่น ป.ป.ช. ในเรื่องจริยธรรมหรือไม่นั้น ขอศึกษาข้อกฎหมายก่อน แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็นนี้ โดยจะให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นผู้ศึกษา รวมถึงเรื่องนิติกรรมอำพรางด้วยเช่นกัน ก็ต้องไปศึกษาข้อกฎหมาย เพราะทำจากเรื่องที่ไม่ผิดให้เป็นเรื่องผิด ส่วนการต่อศาลรัฐธรรมนูญ นั้น ต้องดูข้อกฎหมายก่อน โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

-----------------
วานนี้ (2 ต.ค. 66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก เขต 1 ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย  ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “อยากมีเรื่องคุย”ทางข่าวสดออนไลน์ กรณีวิปรัฐบาลหยิบยกเรื่องคุณสมบัตินายปดิพัทธ์ที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกมาพูดคุย ซึ่งนายครูมานิตย์ระบุว่า เชื่อว่าเรื่องนี้ถึงศาล รธน.แน่นอน โดยนายปดิพัทธ์ ระบุว่า เรื่องจะยื่นตีความต่างๆ หรือไม่ อยากให้ไปถามทางพรรคก้าวไกลดีกว่า


ส่วนกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ร้อง ป.ป.ช.สอบนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า จะตั้งรับอย่างไรต้องขอดูสำนวนที่เขายื่นก่อน ยังไม่รู้ว่าตนผิดจริยธรรมข้อไหน  แต่ไม่ได้ตื่นตกใจจนเกินไป นายศรีสุวรรณก็ยื่นทุกเรื่องอยู่แล้ว แต่การที่มีวิปรัฐบาลอะไรต่าง ๆ มาร่วมด้วย หรือว่าจะไปใช้องค์กรอิสระ ดูจะเล่นใหญ่ไปนิดนึง


เมื่อถามว่าดูเหมือนขณะนี้  มีความพยายามดึงองค์กรอิสระให้มาล้วงลูกฝ่ายนิติบัญญัติ โดยที่ฝ่ายนิติบัญญัติเองไปดึงเข้ามา

นายปดิพัทธ์ ตอบว่า พรรคเพื่อไทยก็คงไม่ได้มีความคิดไปในทางเดียวกับเราแล้วในเรื่องการปฏิรูปองค์กรเหล่านี้ 


เมื่อถามย้ำว่า หวั่นหรือไม่ ถ้าองค์กรนิติบัญญัติถูกล้วง จนทำให้จากนี้ 3 อำนาจไม่คานกันเหมือนเดิม

นายปดิพัทธ์ ตอบว่า  "ตรงนี้ก็ชัดเจนว่าทำไมต้องมีผม" เพราะว่าถ้าเรามีสภาฯ ที่ทำตัวแบบนี้ มันก็เป็นพวกเดียวกับฝ่ายบริหาร แล้วก็เป็นพวกเดียวกับตุลาการทุกอย่างหมดไม่ได้เห็นชัดเจนว่าแยกกัน


นายปดิพัทธ์ กล่าวถึง สถานการณ์ที่ขณะนี้ฝ่ายรัฐบาลกำลังตรวจสอบพรรคก้าวไกลและตนเองอย่างหนัก รวมถึงเรื่องโควตาประธาน กมธ. ก็จะดึงคืน 1 คณะ  ว่า

ไม่เป็นไร ตราบใดที่เราไม่ได้ผิดอะไร เราไม่ได้คอรัปชั่น เราไม่ได้แทรกแซงกระบวนการราชการอย่างที่มันเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ในอดีตที่นักการเมืองเขาโดนกัน ตรงนี้เราว่าเราก็ยังเดินต่อได้


ส่วนการตัดสินใจจะย้ายไปสังกัดพรรคไหน ระหว่างพรรคเป็นธรรม และพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) นั้น 

ตอนนี้ ยังไม่มีเวลาพูดคุยกับทั้งสองพรรค แต่ก็ต้องไปคุยกับทางกรรมการบริหารพรรคเขาก่อน  ไปดูข้อบังคับต่าง ๆ ของพรรคเขา รวมถึงตอนนี้ มีเรื่องราวต่าง ๆเข้ามามากขนาดนี้ ก็ต้องไปถามเขาว่าพรรคเขาไหวไหม แต่จะเริ่มพูดคุยกันสัปดาห์นี้ เจอกันทั้งแบบทางการ และก็ไม่เป็นทางการ ถ้าต้องตัดสินใจอย่างไร ตนจะไม่รอให้ยืดเวลาออกไปมาก เพราะการไม่มีพรรคสังกัด มันคือเรื่องใหญ่ ถ้าคุยแล้วทุกอย่างมันลงตัวก็ตัดสินใจเร็วได้

------------
วานนี้ (2 ต.ค. 66) ที่อาคารรัฐสภา นายอัครเดช วงพิทักษ์โรจน์ สส.รวมไทยสร้างชาติ ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลได้พิจารณาถึงจำนวนประธานคณะกรรมาธิการ ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกลที่มี สส.ลดลง 1 คน


ดังนั้น ที่ประชุมวิปรัฐบาลจึงเห็นว่า การคำนวนตามสัดส่วนคณิตศาสตร์  พรรคก้าวไกล มี สส.ลดลง ทำให้จำนวนคณะกรรมาธิการจาก 11 เหลือ 10 คณะ โดยพรรครวมไทยสร้างชาติจะได้เพิ่มจาก 2 คณะเป็น 3 คณะ รวมถึงสัดส่วนของกรรมาธิการธรรมดา พรรคก้าวไกล จาก159 คน เหลือ 158 คน เนื่องจากพรรคก้าวไกลขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ออกจากพรรค และไปเพิ่มให้กับพรรคประชาชาติ จาก 9 เป็น 10 คน


นายอัครเดช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีการพูดคุยกับพรรคก้าวไกล เพราะได้พูดคุยกันไปแล้ว และหากพรรคก้าวไกลไม่ยินยอม ก็จะไปโหวตกันในที่ประชุมสภาฯ  ซึ่งเราไม่อยากให้ถึงขั้นโหวต อยากให้ตกลงกันได้ด้วยดี ส่วนประธานกรรมาธิการ ก็จะไปโหวตในที่ประชุมกรรมาธิการของแต่ละคณะ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 ตุลาคม นี้

---------------




คุณอาจสนใจ

Related News