โอละป้า! อ้างรันทด ต้องเดินกลับบ้านวันละ 30 กม. อบต.ชี้บ้านอยู่หลังที่ทำงาน จ่อเอาผิดพรบ.คอมฯ

ป้าอ้างเดิน 30 กิโลเมตร กลับจากที่ทำงาน อบต.ศาลาลอย ที่แท้ บ้านอยู่หลัง อบต. ชาวบ้านโวยที่ผ่านมาได้ความช่วยเหลือมากกว่าทุกครอบครัว อบต.จ่อดำเนินคดีทางกฎหมาย ฐานนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์



กรณีเพจดังในจังหวัดสระบุรี โพสต์เรื่องราวความทุกข์ยากลำบากของป้าวัย 58 ปี ชาวบ้านตำบลศาลาลอย อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฐานะไม่ดีนัก ดูแลลูกที่ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลท่าเรือ เลี้ยงดูแม่ที่มีอายุมากแล้ว



โดยเพจดังกล่าวโพสต์แชร์ภาพหญิงสูงอายุ และภาพของเด็ก พร้อมข้อความว่า "อบต.ศาลาลอย ที่ทำงานป้าต้องช่วยเหลือ.มั้ง ท่านนายกอบต. ไม่รู้เลยรึว่าลูกน้องท่าน ต้องเดินไปกลับจากบ้านมาทำงานกลับ 30 กม. ท่าเรือกับสระบุรีมันไกล มั้ย"



ปรากฏว่าเป็นที่สนใจในโลกโซเชียลมีการแสดงความคิดเห็นมากมาย ส่วนใหญ่ตำหนิการทำงานของ อบต.ศาลาลอย การทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ดูแลช่วยเหลือ



ข้อเท็จจริงดังกล่าว ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลศาลาลอย ไปพบนายเสกสรรติ์ สินทรจันทร์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลศาลาลอย บอกว่าโพสต์ดังกล่าวนำข้อความไปลง ไม่ได้เป็นความจริง ข้อเท็จจริงแล้วคุณป้า มีบ้านพักอาศัยห่างจากอบต.ประมาณ 150 เมตร ระหว่างทางก็ยังเป็นบ้านพักอาศัยของผู้ใหญ่บ้าน เลยบ้านของป้าไปก็เป็นบ้านของกำนัน ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานไม่เคยทอดทิ้งครอบครัวของนี้ ช่วยเหลือตามระเบียบราชการมาโดยตลอด และบ่อยครั้ง มีทั้งหน่วยงานในท้องถิ่น หน่วยงานในอำเภอ และหน่วยงานในจังหวัด ล่าสุดเพิ่งจะให้การช่วยเหลือจัดซื้อถังออกซิเจนให้กับลูกชายที่ป่วยไว้นอนรักษาตัวในบ้านพัก



นายเสกสรรติ์ ได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านป้า พบว่าไม่อยู่บ้าน ไปดูแลลูกชายที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาลท่าเรือ มีเพียงคุณแม่วัย 89 ปี เฝ้าบ้านลักษณะเป็นทาวน์เฮาส์อยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง ไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น



นายเสกสรรติ์ ปลัด อบต. ศาลาลอยยังบอกว่าเหตุดังกล่าวโพสต์เรื่องราวไม่เป็นความจริง สร้างความเดือดร้อน ให้กับหน่วยงานภาครัฐที่เข้าไปด้วยดูแล ตกเป็นจำเลยสังคม ได้ประสานงานกับท่านนายก อบต. แล้ว จะดำเนินคดีทางกฎหมายกับเพจดังกล่าว นำข้อมูลไปเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์



อย่างไรก็ตามเพื่อนบ้านของคุณป้า ได้เปิดเผยว่าที่ผ่านมาป้ารายนี้ มีรถจักรยานยนต์ไว้เดินทางติดต่อทำงานแต่ไม่ทราบว่านำไปจำนำหายไปหมดแล้ว ครอบครัวนี้ที่ผ่านมาทราบว่าหน่วยงานต่างๆเข้ามาดูแลช่วยเหลือมากกว่าครอบครัวรายอื่นๆเสียด้วยซ้ำ ป้าไม่ได้พูดความจริงทำให้สังคมหลงเชื่อสงสัย ไม่ทราบวัตถุประสงค์นำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสต์เหมือนต้องการขอความช่วยเหลือเห็น แล้วไม่สมควร ทำให้คนอื่นเสียหาย



ด้านนายสุรศักดิ์ ดำมณี กำนันตำบลศาลาลอย อยู่ท้ายบ้านป้านาและนางสาวจรัสศรี อัศวเดชาชาญยุทร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ตำบลศาลาลอย อยู่ไม่ไกลจากบ้านของป้านามากนัก รับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำความเสียหายให้กับส่วนราชการเป็นอย่างมากเพราะว่าการนำเรื่องกาวดังกล่าวไปโพสต์ไม่เป็นความจริง ขอร้องเหตุต่างๆกรุณากรองข้อมูลให้ถูกต้องก่อนจะนำเรื่องราวไปโพสต์มิเช่นนั้นสังคมจะเข้าใจผิดคาดเคลื่อนทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ผู้เกี่ยวข้องจะหมดกำลังใจในการทำงาน



อย่างไรก็ตาม นางจรัสศรี ผู้ใหญ่บ้านยังเปิดเผยอีกว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้รับการติดต่อจากลูกชายของป้านา เป็นดอกเตอร์อยู่ในกรุงเทพฯโทรศัพท์มาขอร้องการนำเสนอข่าวของครอบครัวตนไว้ด้วย