สังคม

สหพันธ์ขนส่งทางบกฯ เผยสถิติจับรถบรรทุกวิ่งเเบกน้ำหนัก ยกเคสยิง 'สว.ศิว' จี้เเก้ส่วยจริงจัง

โดย panwilai_c

20 ก.ย. 2566

50 views

ความเคลื่อนไหว "คดียิงสารวัตรทางหลวงเสียชีวิต" หลังจากคณะพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ทำเรื่องขอย้ายตำรวจที่เป็นผู้ต้องหาทั้ง 6 นาย จากเรือนจำกลางสมุทรสงคราม มาฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร วันนี้มีความคืบหน้า มาจากผู้บัญชาการเรือนจำฯ ยืนยันว่า "กำนันนก" กับตำรวจทั้ง 6 นาย จะจะถูกเเยกขังคนละเเดน จะไม่มีโอกาสได้เจอกันแน่นอน ส่วนประเด็นส่วยรถบรรทุก ทางสหพันธ์ การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยสถิติการจับกุมรถบรรทุกเเบกน้ำหนักในพื้นที่นครปฐม เรียกร้องขอให้จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง



ทีมข่าวได้ข้อมูลสถิติการจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ในช่วงปี 2564-2566 ของสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนครปฐม พบว่า ในปี 2564 จับกุมได้ทั้งหมด 45 คัน ปี 2565 จับกุมได้ทั้งหมด 109 คัน และปี 2566 ตั้งแต่เดือน มกราคมถึงสิงหาคม จับกุมได้ 42 คัน



นายศุภศักดิ์ รุ่งเจิดฟ้า ที่ปรึกษาสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย บอกว่า ปกติแล้ว จังหวัดนครปฐม เป็นพื้นที่ที่มีจำนวนรถบรรทุกใช้เส้นทางวิ่งผ่านเยอะมากเป็นอันดับต้น ๆ รองจากสระบุรี ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว จะมีรถบรรทุกวิ่งผ่านไม่ต่ำกว่า 1,000 คันต่อวัน และอัตราของรถที่บรรทุกน้ำหนักเกิน ก็ไม่ต่ำกว่า 70% ต่อวัน เพราะฉะนั้น ตัวเลขที่พบว่ามีการจับกุมตลอดทั้งปี 2566 ซึ่งมีไม่ถึง 50 คันนั้น มองว่าผิดปกติแน่นอน



นายศุภศักดิ์ ระบุว่า ตัวเลขการจับกุมที่ปรากฎนั้น จะมีทั้งการจับกุมจริง กับอีกแบบ คือการขอความร่วมมือจับกุม ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบบหลังมากกว่า คือ เมื่อสหพันธ์ฯ หรือประชาชนร้องเรียนไปว่ามีการทุจริตเรื่องส่วยสติกเกอร์ หรือร้องเรียนว่ามีรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ตำรวจก็จะประสานกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่จ่ายส่วย ขอความร่วมมือจับกุมเพียงเล็กน้อย เพื่อลดแรงกดดันที่ถูกร้องเรียน และให้มีผลงานมายืนยันการตรวจสอบว่ามีการจับกุมจริง โดยผู้ประกอบการที่จ่ายส่วยก็จะรู้กัน เช่น มีรถของบริษัทที่เคลียร์อยู่ 400 คัน ก็ส่งไปให้จับ 2-3 คัน เป็นต้น



สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ"สารวัตรศิวกร"นั้น ส่วนตัวเชื่อว่า มูลเหตุหลักเป็นเรื่องส่วย เพราะสารวัตรศิวกร เป็นคนที่ตรงไปตรงมา ปกติทางสหพันธ์ฯ ก็มีการประสานข้อมูล ร้องเรียนกับสารวัตรศิวกรตลอด ซึ่งได้รับความร่วมมือดี มีการจับกุมจริง และทราบมาว่าเวลาจับกุม ก็มีผู้ประกอบการโทรศัพท์มาขอให้ปล่อย แต่สารวัตรศิวกร ก็ไม่ยอม



จึงเห็นว่า ภาครัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยข้อง ต้องการจัดการเรื่องส่วยอย่างจริงจัง เพราะปัญหานี้ส่งผลกระทบหลายอย่าง โดยเฉพาะตำรวจและหน่วยปกครองระดับสูงที่รู้เห็นเป็นใจ ทำให้ทุกครั้งที่มีการกวาดล้าง ทำได้ไม่นาน ก็กลับมาอีก



ส่วนความคืบหน้าคดียิงสารวัตรศิวกร นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยกรณีที่กองปราบปราม ขอย้ายผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจ 6 คน มาฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยบอกว่า ทางเรือนจำยังอยู่ระหว่างรอคำสั่งจากศาล ซึ่งตามกระบวนการ เมื่อศาลมีหนังสือหรือคำสั่งลงมา ทางเรือนจำก็มีการเตรียมความพร้อม 24 ชั่วโมง ที่จะเตรียมรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ โดยจะต้องเข้าขั้นตอนการแยกกักโรคโควิด-19 จำนวน 10 วัน และเมื่อครบกำหนดแล้ว ก็จะพิจารณาจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง เเยกไปแดนต่าง ๆ ภายในเรือนจำต่อไป



ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่า หากตำรวจทั้ง 6 คนนี้ได้ย้ายมา อาจจะถูกพิจารณาไปอยู่ที่แดนขังเดียวกับนายประวีณจันทร์คล้าย หรือกำนันนกหรือไม่ นายนัสที ระบุว่า ตามหลักการพิจารณา คณะกรรมจะหารือกันถึงประวัติส่วนตัวของผู้ต้องขัง ฐานความผิดและพฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา เพราะต้องป้องกันไม่ให้โจทก์และจำเลยอยู่ในแดนขังเดียวกัน โดยจำเป็นต้องแยกออกจากกันเพื่อความปลอดภัย



ซึ่งแดนขังภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 8 แดน แต่ละแดนจะกั้นออกจากกันชัดเจน มีประตูแดนที่จะปิดสนิทตลอดเวลา มีกำแพงกั้นสูง และมีโรงเลี้ยงอาหารประจำแต่ละแดนขัง จึงยืนยันได้ว่า กำนันนกและตำรวจทั้ง 6 นาย จะไม่ได้เจอกันแน่นอน

คุณอาจสนใจ