"ผู้การเต่า" เชิญดวงวิญญาณสารวัตรแบงค์ เผยคำพูดฟางเส้นสุดท้าย

วันนี้(15 ก.ย. 66) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รรท. ผบก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่สังกัดกองบังคับการตํารวจทางหลวงหลายสิบนายเดินทางมายังที่บ้านของกํานันนก ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุที่ พ.ต.ต.ศิวกร ถูกยิงเสียชีวิต โดยได้นิมนต์พระสงฆ์เพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การทําพิธีเชิญดวงวิญญาณของทั้งสารวัตรและผู้กํากับแบงค์ในวันนี้ นั้น เป็นการทําในส่วนของเจ้าหน้าที่ตํารวจทางหลวง ซึ่งจุดนี้คือต้นเรื่องของการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย โดยหลังจากที่พระสงฆ์ทําพิธีเชิญดวงวิญญาณเสร็จสิ้น ตนเองและเจ้าหน้าที่ทุกนายได้ร่วมกันเปิดสัญญาณไซเรน เนื่องจากเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของกองบังคับการตํารวจทางหลวง ในการส่งสัญญาณเรียกให้ดวงวิญญาณของทั้งคู่กลับไปสู่ภพภูมิที่ดี

ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุนั้น ตนไม่ได้ดูเพราะยังรู่สึกหดหู่ ขอให้เป็นการทํางานของเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวน อย่างไรก็ตามตนเองรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่ไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้

สําหรับกรณีการพกปืนติดตัวหรือไม่นั้น แน่นอนว่าตํารวจที่พกปืนย่อมมีอยู่แล้ว แต่อาจจะไม่ใช่ทุกนาย ซึ่งสัญชาตญาณของตํารวจทุกนายหรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปหากได้ยินเสียงปืนก็ต้องหลบเป็นธรรมดา   ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นจึงแยกเป็น 3 ส่วน คือ ตํารวจที่ช่วยเหลือสารวัตรศิว  ตํารวจที่ช่วยเหลือกํานันนก  และสุดท้ายคือตํารวจที่หนีออกไปทันทีจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งถือว่าขาดจากการเป็นตํารวจไปแล้ว

โดยขอเรียกร้องไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ในคดีนี้ด้วยว่า ขอให้ถอยคนละก้าว ถ้าท่านไม่ถอยความกดดันจะไปอยู่ที่ข้าราชการตำรวจ ขอให้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการไป ยืนยันที่เกิดเหตุพบเลือดของสารวัตรศิวติดตัวตำรวจประมาณ 8-9 นาย  ที่นําไปส่งโรงพยาบาล  ซึ่งเลือดเหล่านี้จะเป็นหลักฐานให้ผู้ที่ช่วยเหลือชีวิตสารวัตรศิว รอดพ้นจากข้อกังขาทั้งหมด

ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า "นายหน่องพรากชีวิต ได้แต่ไม่สามารถพรากจิตและวิญญาณของการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้ คนที่มีชีวิตอยู่จะตามทวงความยุติธรรมคืนให้กับทั้งคู่"