แก๊งคอลฯ อ้างเป็นจนท.เร่งรัดหนี้สินธนาคาร หลอกผู้เสียหายเอี่ยวทำทุจริต ขู่ฟ้องศาลใน3ชั่วโมง

เมื่อเวลาประมาณ 09.11 น. ของวันที่ 12 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ยังคงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนหาเหยื่อ หลงกลอุบายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมามุกใหม่ พยายามสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้เสียหาย โดยโทรศัพท์มาแนะนำตัวว่าเป็นตัวแทนติดต่อมาจากธนาคารแห่งหนึ่ง โดยมีการสอบถามชื่อ-นามสกุล ว่าเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์นี้หรือไม่ สอบถามว่าเคยกดสมัครบัตรเครดิตช่องทางออนไลน์หรือไม่ เมื่อยืนยันไปว่าไม่ได้สมัครบัตรเครดิตด้วยตนเอง ก็สอบถามว่าเคยเดินทางมาจังหวัดนครราชสีมาหรือไม่ ในช่วงหนึ่งถึงสองเดือนที่ผ่านมา เพราะในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีประวัติการใช้งานที่ห้างในนครราชสีมา กดเงินสดออกไปเป็นจำนวนเงิน 15,000 บาท เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566


ซึ่ง แก๊งคอลเซนเตอร์ อ้างว่า ความจริงการสมัครและเปิดบัตรเครดิตต้องมาทำธุรกรรมด้วยตนเองที่ธนาคาร ทำการสแกนใบหน้าและสแกนลายนิ้วมือ แต่ในกรณีนี้ น่าจะเกิดจากการทุจริตของพนักงานแผนกสินเชื่อ จึงได้ทำการเปิดอนุมัติบัตรเครดิตใบนี้โดยไม่ได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียด


และกรณีนี้แก๊งคอลเซนเตอร์ อ้างว่าเหยื่อเป็นผู้เสียหายต้องทำการแจ้งความด้วยตัวเอง และตนเป็นแผนกเร่งรัดหนี้สิน เมื่อเหยื่อฝากให้ทางแก๊งคอลเซนเตอร์ช่วยดำเนินการตามขั้นตอน ก็ถูกปฏิเสธ และจะให้พูดคุยกับทาง ผู้จัดการต่อ แต่ก็ไม่ยินยอม ถึงว่าจะขอให้มีการพูดคุยกันต่อที่สาขาก็ตาม โดยอ้างว่าจะต้องมาคุยกันที่สำนักงานใหญ่เท่านั้น และพยายามหาประเด็น สร้างความผิดปกติเพิ่มเติมให้เหยื่อได้ทราบและมีความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น ด้วยคำถามการทำเอกสารสูญหายบ้างหรือไม่ และขอให้รีบดำเนินการเพราะภายใน 3 ชั่วโมงจะทำการยื่นฟ้องศาลแล้ว


แต่เพื่อความถูกต้อง ทางผู้เสียหาย ได้นำเอาโทรศัพท์ให้ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ได้ช่วยเหลือพูดคุยกับทางแก๊งคอลเซนเตอร์


ซึ่งทางแก๊งคอลเซนเตอร์ให้ผู้จัดการ คุยกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร อ้างว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้น่าจะเกิดจากข้อมูลลูกค้ารั่วไหล และเมื่อสอบถามว่าข้อมูลของลูกค้ารั่วไหลจากทางช่องไหน ก็ไม่ยอมตอบ และเมื่อยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทางแก๊งคอลเซนเตอร์จึงได้วางสายไป