เลือกตั้งและการเมือง

เช็กนโยบายรัฐบาลเร่งด่วน 'เศรษฐา' แถลงต่อรัฐสภา - จ่อเปิดฟรีวีซ่า โกย นทท.จีนเที่ยวช่วงวันชาติ

โดย nattachat_c

12 ก.ย. 2566

84 views

วานนี้ (11 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา


นายเศรษฐา กล่าวว่า ครม.มีนโยบายมุ่งมั่นสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้น นำไปสู่ความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาสังคมของประเทศให้ก้าวหน้า ด้านการเมืองมีความเห็นต่าง แบ่งแยกทางความคิด ปัญหาทุจริต อาชญากรรม ยาเสพติด ความท้าทายเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาความยากจนและเหลื่อมล้ำ


ประเทศไทยขาดความพร้อมที่จะเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ เกิดวิกฤติศรัทธาประชาชน เป้าหมายของรัฐบาลนี้ ต้องแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน สร้างความพร้อม และวางรากฐานเพื่อสร้างอนาคต รั


รัฐบาลชุดนี้มีนโยบายพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง มีกรอบนโยบายบริหารและพัฒนาประเทศเร่งด่วน


กรอบระยะสั้น ต้องกระตุ้นการใช้จ่าย จุดประกายให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจกลับมาเติบโตอีกครั้ง


ส่วนระยะกลางและระยะยาว จะเสริมขีดความสามารถให้ประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


นายเศรษฐา กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจปัจจุบันประเทศไทยเปรียบเหมือนคนป่วย ที่ได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านในช่วงโควิด จนมีความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นการใช้จ่าย เพิ่มความเชื่อมั่น ดึงดูดการลงทุน


นโยบายเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นตัวจุดชนวน กระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง จะใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง กระจายไปทุกพื้นที่ ให้หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจถึงฐานราก เกิดการจับจ่ายใช้สอย นำไปสู่การจ้างงาน สร้างอาชีพ เกิดการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายรอบ


ส่วนรัฐบาลจะได้รับผลตอบแทนคืนมาในรูปแบบภาษี และจะช่วยวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประเทศ เตรียมความพร้อมเข้าสู่เศรษฐกิจสมัยใหม่


“นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีนโยบายเร่งด่วนอีก 4 ข้อ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ เร่งแก้ปัญหาช่วยเหลือประชาชน ได้แก่


1. การแก้ปัญหาหนี้สินภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ด้วยการพักหนี้เกษตรกรตามเงื่อนไข และคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการช่วยประคองภาระหนี้สิน และต้นทุนการเงิน


2. ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่ประชาชน สนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมทันที


3. ผลักดันการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว สร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อสร้างงานให้ประชาชนจำนวนมาก เปิดประตูรับนักท่องเที่ยวด้วยการอำนวยความสะดวก ปรับปรุงขั้นตอนขอวีซ่า การยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่ากลุ่มนักท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศเป้าหมาย การยกระดับประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงสินค้า งานเทศกาลระดับโลก” นายกฯกล่าว


4. การแก้ปัญหาความเห็นแตกต่างเรื่องรัฐธรรมนูญปี 2560 ให้มีรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่แก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์ รัฐบาลจะหารือแนวทางทำประชามติ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมออกแบบกติกาที่เป็นประชาธิปไตยทันสมัย เป็นที่ยอมรับร่วมกัน รวมถึงหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา ให้ประเทศเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง


รัฐบาลจะสร้างความชอบธรรมการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการฟื้นฟูหลักนิติธรรมที่เข้มแข็ง โปร่งใส เพราะการมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือ เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางความคิดและสังคมที่สำคัญของประเทศ ทำให้ประเทศมีหลักนิติธรรมที่น่าเชื่อถือ ที่ใช้งบประมาณรัฐน้อยที่สุด แต่ได้ประสิทธิภาพมากสุดในการพัฒนาประเทศ

----------

ด้าน นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุรีย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะทำทันทีในภาคการท่องเที่ยว


โดย จะเปิด 'ฟรีวีซ่า' ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. นี้ เพื่อรับนักท่องเที่ยวจีน ในช่วงวันชาติจีน (29 ก.ย. - 6 ต.ค. 66)


และต้องแก้ปํญหาเที่ยวบินไม่เพียงพอ ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว .ซึ่งเชื่อว่าจะแก้ปัญหาการท่องเที่ยวซบเซาได้ 

--------------

นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังเข้าหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า


การบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติยินดีและมีความพร้อมในการร่วมขับเคลื่อนการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณความต้องการเดินทาง (Demand) ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียที่ได้รับการคาดหมายว่าจะมีการปรับตัวสูงขึ้นจากนโยบาย Free Visa ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) ที่กำลังจะมาถึง


การบินไทยจึงได้ปรับแผนเริ่มทำการบินในเส้นทางกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ไป-กลับ เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิม ด้วยเครื่องบินลำตัวกว้าง มีความจุ 292 ที่นั่ง ให้บริการในชั้นธุรกิจ 30 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 262 ที่นั่ง ด้วยความถี่ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป


นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางจีนจาก 25 เที่ยวบิน เป็น 35 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป ดังนี้ 

  • เส้นทาง กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง ไป-กลับ ทำการบิน 6 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-30 พฤศจิกายน 2566 เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566
  • เส้นทาง กรุงเทพฯ-เซี่ยงไฮ้ ไป-กลับ ทำการบิน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2566-30 มีนาคม 2567
  • เส้นทาง กรุงเทพฯ-กว่างโจว ไป-กลับ ทำการบิน 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2566-30 มีนาคม 2567
  • เส้นทาง กรุงเทพฯ-คุนหมิง ไป-กลับ ทำการบิน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-30 พฤศจิกายน 2566 เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566
  • เส้นทาง กรุงเทพฯ-เฉิงตู ไป-กลับ ทำการบิน 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม-30 พฤศจิกายน 2566 เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566

--------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/t8MqVxfyFZ4



คุณอาจสนใจ

Related News