อ.ปรเมศวร์ มอง "กำนันนก" รอดคดียาก แนะตำรวจในงานเลี้ยงพูดความจริง

จากกรณีที่ตำรวจมีการจับกุมนายประวีณ หรือกำนันนก จากกรณีที่เกิดการยิงใส่สารวัตรศิวกร จนบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต ซึ่งในเวลาต่อมาตำรวจมีการจับกุมและแจ้งข้อหาตัวกำนันนกในฐานความผิด เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพยายามฆ่าผู้อื่น


ซึ่งจนถึงตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชนว่ามีพยานหรือหลักฐานที่สามารถระบุว่ากำนันนกเป็นผู้สั่งการในครั้งนี้ได้ จึงเกิดการตั้งคำถามในสังคมว่าตัวกำนันนกจะสามารถต่อสู้หลุดคดีได้หรือไม่


ทีมข่าวอาชญากรรมช่อง 3 ติดต่อสอบถามไปที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ส่วนตัวมองว่าตำรวจมีข้อมูลหรือมีหลักฐานที่สามารถชี้ชัดได้อย่างชัดเจนแล้วเพียงแต่ ยังไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสื่อมวลชนหรือสังคมเท่านั้น


แม้ว่าในตอนนี้ประชาชนจะเข้าใจว่าการวิสามัญฆาตกรรมมือปืนคือนายหน่องเป็นการฆ่าตัดตอนของทางตำรวจเพื่อช่วยให้กำนันนกหลุดคดี แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว การที่ตัวนายหน่องถูกวิสามัญฆาตกรรมไปเป็นผลเสียต่อตัวกำนันนก เพราะหากตัวนายหน่องไม่ถูกวิสามัญฆาตกรรม เชื่อว่านายหน่องจะยอมรับผิดเพียงคนเดียว โดยไม่เกี่ยวข้องกับตัวกำนันนก เพราะเท่าที่เห็นพฤติการณ์จากทางโซเชียลที่เห็นว่าเป็นคนรักและนับถือกำนันนกอย่างมาก อาจยอมรับจบเพียงคนเดียว แต่การที่นายหน่องมือปืนในคดีนี้ถูกวิสามัญฆาตกรรมไปยิ่งทำให้ตัวกำนันนกไม่มีใครช่วยได้


รวมถึงพฤติการณ์ในการก่อเหตุทั้งหมด เชื่อว่าตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์มีการให้ปากคำกับคณะทำงานเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ก็มีการออกมาเปิดเผยมูลเหตุจูงใจในครั้งนี้ซึ่งทุกคนก็ยืนยันตรงกันในจุดนี้ และในส่วนของตัวมือปืนก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่มีการพูดคุยกันระหว่างกำนันนกและตัวสารวัตรศิวกร ถึงต้องมีการถามระบุตัวตนก่อนจะมีการยิง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ชัดเจนว่าไม่ได้มีความผิดใจกันโดยส่วนตัวระหว่างมือปืนกับผู้ตาย และจะมีเพียงผู้เดียวที่มีมูลเหตุจูงใจ ในที่เกิดเหตุก็คือตัวกำนันนก


ส่วนตัวยังเชื่อว่าขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการหาว่ามีการสั่งการผ่านวิธีการใดเช่นการพยักหน้าการส่งสายตาหรือการมอง


แต่คดีนี้มีความชัดเจนอีกข้อคือหลังเกิดเรื่องตัวกำนันนกและตัวมือปืนได้หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติการณ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุเพราะหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ควรจะอยู่รอหรือเข้าช่วยเหลือตัวผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตก่อนแต่กลับหนีออกไปพร้อมกับมือปืนแม้ว่าจะเป็นรถคนละคันก็ตาม ซึ่งในวงการนักกฎหมายจะเรียกกันว่าคดีเลือดสุพรรณ คือมาด้วยกันไปด้วยกัน


ตนเองยืนยันว่าจากประสบการณ์การทำงานด้านกฎหมายมานานในคดีนี้กำนันนกไม่มีทางรอดคดีแน่นอน


ส่วนข้าราชการตำรวจที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ควรให้การตามข้อเท็จจริงเพื่อความอยู่รอดในหน้าที่การงานของตนเอง ซึ่งจะทำให้เห็นว่าการสั่งการเป็นไปในรูปแบบใด