เลือกตั้งและการเมือง

“สุทิน” พบ "บิ๊กจิ๋ว" ยกเป็นปูชนียบุคคล หวังเชิญเจิมเก้าอี้ กลาโหมเพื่อความเป็นสิริมงคล

โดย paranee_s

7 ก.ย. 2566

74 views

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพร้อมด้วย นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต สส. กทม. พรรคเพื่อไทย เดินทางมาด้วยรถยนต์ประตำแหน่ง 8 กผ 97 มายังบ้านพัก พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้บัญชาการทหารบก ย่านเกษตร นวมินทร์


พร้อมนำพวงมาลัยเข้ากราบขอพร พลเอกชวลิต โดยนายสุทินกล่าวว่า ที่มาในวันนี้ ขอนึกถึงท่านที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเองเคารพและมาขอคำแนะนำในการทำหน้าที่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมชมพลเอกชวลิตว่า ยังแข็งแรง ทั้งนี้ตนเองเคยคิดและมีความตั้งใจอยากเชิญพลเอกชวลิต ไปเจิมนั่งในเก้าอี้ที่กระทรวงกลาโหมประเดิมในวันแรกที่ตนเองที่เข้ากระทรวงกลาโหม แต่เกรงว่าพลเอกชวลิตจะไม่สะดวก


ขณะเดียวกันนายสุทินได้เล่าถึงการเดินสายพบพลเอกเชษฐา ฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก พลเอกเชษฐาดูเหนื่อยแต่กำลังใจอย่างดี ทั้งนี้ส่วนตัวหากมีอะไรอยากให้พลเอกชวลิตช่วยชี้นำ


จากนั้นนายสุทินและพลเอกชวลิตได้หารือเป็นการส่วนตัว 12 นาที และออกมาให้สัมภาษณ์ สื่อมวลชนพร้อมระบุว่า จากนี้จะพูดให้น้อยลงเพราะธรรมชาติของทหารจะพูดน้อย ๆ ทำงานให้มาก ดังนั้นต่อไปนี้รัฐมนตรีก็จะต้องพูดน้อยลง ซึ่งการมาวันนี้เพื่อขอพรพลเอกชวลิต และเยี่ยมให้กำลังใจซึ่งตนเองมีความตั้งใจที่จะเดินทางมาตั้งนานแล้ว โดยพลเอกชวลิตได้ให้กำลังใจและดีใจที่เห็นตนเองเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มั่นใจว่าตนเองจะทำงานได้ และให้เชื่อมั่นว่าตนเองทำงานได้ ซึ่งพลเอกชวลิตไม่ได้หนักใจแทนตนเองแต่อย่างใดเมื่อพลเอกชวลิตพูดเช่นนี้ก็ทำให้ตนเองมีกำลังใจ ซึ่งไม่ได้มีการพูดคุยรายละเอียดถึงโครงสร้างกองทัพ โดยเฉพาะการยกเลิกเกณฑ์ทหาร


ทั้งนี้นายสุทินยังบอก ถึงสาเหตุที่จะให้พลเอกชวลิตไปนั่งประเดิมเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้ว่า เพราะเป็นทหารเก่าที่เหลืออยู่ ไม่กี่คน และเป็นคนเก่งที่ทำงานทางทหารอาชีพและเป็นนักการเมือง เป็นปูชนียบุคคล จึงน่าจะเป็นสิริมงคลกับตนเอง พร้อมกันนี้บอกเลยว่า ตนไม่ได้รู้จักพลเอกชวลิตเป็นการส่วนตัว แต่เคยรู้จักในสมัยอยู่ในพรรคไทยรักไทย เมื่อครั้งท่านยังหนุ่มมักจะชวนไปตีกอล์ฟเสมอ และการมาพบในวันนี้พลเอกชวลิตก็อย่างพาตนเองได้ความจำยังดี


นายสุทินยังเปิดเผยว่า งานในกระทรวงกลาโหม สนใจงานสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศเพราะมีนักวิทยาศาสตร์นักเทคโนโลยีโดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อยกระดับเทคโนโลยีของกองทัพให้ทันสมัย ซึ่งตนเองจะเข้าไปดูสถาบันนี้


นายสุทิน ยืนยันว่าแม้จะได้รองนายกรัฐมนตรีที่คุมงานความมั่นคงต่างพรรค ก็ไม่เป็นปัญหาต่อการทำงาน และเชื่อว่าการทำงานจะไม่สะดุด เพราะทุกอย่างอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน และนโยบายได้หลอมรวมกันไว้แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด


ทั้งนี้ส่วนตัวมั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะทำงาน เน้นความเท่าเทียมของแต่ละสถาบัน และหลังจากนี้ก็รู้ว่าจะต้องทำงานด้านไหนร่วมกันบ้าง


ส่วนการแก้ไขปัญหาตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะเมียนมาร์ นายสุทิน กล่าวว่า มีคณะทำงานหนึ่ง ที่ทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศกำลังศึกษาอยู่ว่า ประเทศไทยควรจะวางตนเองในจุดใด ซึ่งเรื่องนี้ละเอียดอ่อน และคณะทำงานชุดนี้จะมีการสรุปให้ฟัง โดยเฉพาะปัญหาของเมียนมาร์และสามจังหวัดชายแดนใต้ด้วย


นายสุทิน ยอมรับว่าขนาดนี้มีอดีตนายพล ทั้งพลเอกเกือบร้อยคน พลโท และพลตรีอีกจำนวนหนึ่ง มาร่วมเป็นทีมทำงานกับตนเอง ซึ่งได้มีการจัดเป็นคณะทำงาน อาทิ คณะทำตามนโยบายยกเลิกทหารเกณฑ์ คณะชุดปรับกำลังพล คณะแก้ปัญหายาเสพติด คณะใช้เทคโนโลยี


ซึ่งขนาดนี้มีนายพลเสนอตัวเข้ามาทำงานกับตนเองเป็นจำนวนมาก เปรียบเหมือนอยู่กับตนเองเป็นจำนวนกองพลหนึ่งแล้ว ส่วนใครจะมาเป็นคณะยกเลิกทหารเกณฑ์นั้นกำลังดูอยู่ ขณะนี้กำลังจัดชุดคณะ โดยทั้งหมดเป็นกลุ่มทหารที่เสนอตัวมาทำงานกับตน ซึ่งก็ไม่หนักใจ เพราะมีทำงานในระบบส่วนหนึ่ง และนอกระบบที่เสนอตัวเข้ามาช่วยงาน ยอมรับว่า ตอนนี้เริ่มปรับการทำงานได้ดีขึ้น พร้อมกับคุ้นชิน แต่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อีกมาก


พร้อมชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า ว่ามีผู้ติดตามถึง 40 คนนั้นไม่เป็นเรื่องจริง เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่ลงตัว สัปดาห์หน้าการจัดการคณะทำงานจะลงตัวมากขึ้น จะใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยเท่าที่จำเป็น ส่วนภาพที่มีการเผยแพร่เป็นวันแรกที่มีการเข้าไปรายงานตัว แซงสื่อทางศูนย์รักษาความปลอดภัย หรือ ศรภ. ส่งคณะทำงานไปเพื่อรายงานตัวจึงเกิดภาพแบบนี้ขึ้น แต่ในความเป็นจริงจะมีการเปลี่ยนผลัดในการทำงานวันละสามสี่คนบ้าง


ทั้งนี้จะเรียกประชุมสภากลาโหม หลังจาก เข้าปฏิบัติหน้าที่ที่กระทรวงกลาโหม พร้อมรับฟังปัญหาของกระทรวง หากปัญหาไม่รีบ ก็จะประชุมทันทีแต่ถ้าไม่รีบก็จะเป็นไปตามวาระการประชุม ซึ่งจะมีการประชุมเดือนละครั้ง


นายสุทิน ยังเปิดเผยถึงการใช้รถเบนซ์ประจำตำแหน่ง ว่า เมื่อทางกระทรวงส่งให้ก็ลองนั่งดู ซึ่งตนเองไม่รู้ว่ากันกระสุนหรือไม่ ก็คิดว่าไม่มีกระสุนมาหา นั่งรถตู้แต่ก็ลองดูว่านั่งรถตู้กับรถเบนซ์เป็นอย่างไร ซึ่งก็ถือว่าอุ่นใจที่ได้นั่งรถกันกระสุนในครั้งแรก


ส่วนปัญหาการจัดซื้อเรือดำน้ำ นายสุทินกล่าวว่า ตอนนี้ได้ศึกษาไว้แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีการวางแนวทางไว้ เมื่อถึงเวลาตัดสินใจก็เชื่อว่า สังคมจะไม่ผิดหวัง และอาจจะมีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี จะใช้เวทีการประชุมองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ในการพูดคุย แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะมีทางออกที่ดี ซึ่งสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์กับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตามแนวชายแดน ก็จะใช้โอกาสในเวทีนี้หารือร่วมกัน


ส่วนการเจรจาจัดซื้อเครื่องยนต์เรือดำน้ำที่กำลังมีปัญหานั้น นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้ อาจจะต้องมีการพูดคุยกับประเทศจีนซึ่งเป็นคู่สัญญาในการจัดซื้อ ซึ่งก็อาจจะเป็นแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้เตรียมไว้ และมีโอกาสต่อรองได้ทั้งการจัดซื้อจากประเทศเยอรมนีหรือเปลี่ยนแนวทางมาซื้อเครื่องยนต์จากจีนก็มี โอกาสได้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการพูดคุยของผู้ใหญ่ทั้งสองประเทศ


ยืนยันว่าเรื่องนี้จะต้องไม่ให้เกิดผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกองทัพไม่เสียโอกาส ประเทศชาติไม่เสียประโยชน์ พันธมิตรก็ไม่เสียใจ และเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะหาจุดสมดุล ซึ่งเป็นโจทย์ที่ตนเองได้คิดไว้แล้ว แต่ส่งให้กับนายกรัฐมนตรีต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ