สังคม

แม่เลี้ยงเดี่ยวลูก 2 ร้อง ถูกหลอกเงินกว่า 5.7 ล้านบาท กลายเป็นหนี้ก้อนโต แถมสามีขอแยกทาง

โดย paranee_s

4 ก.ย. 2566

1.7K views

วันนี้ (4 ก.ย.) ทีมข่าว พบกับ น.ส.กนกวรรณ อายุ 42 ปี คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวรายหนึ่ง ในอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยเธอหอบหลักฐานต่าง ๆ ที่เตรียมไว้เป็นแฟ้มใหญ่รวมแล้วกว่า 500 แผ่น มาโชว์ให้กับนักข่าวเราดู ว่านี่คือหลักฐานสำคัญ ที่เธอถูก หญิงคนหนึ่งสุมหัวกับพวกร่วมกันหลอกลวงเธอให้ต้องสูญเงินกว่า 5 ล้านบาท ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน จนปัจจุบันกลายเป็นหนี้สินก้อนโต แถมยังส่งผลทำให้ครอบครัวแตกแยก สามีต้องขอแยกทางเนื่องจากรับหนี้สินดังกล่าวไม่ไหว ส่วนเธอก็กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมีลูกเล็ก 2 คนและต้องดูแลแม่ อายุ 67 ปี อีกหนึ่งคน


นางสาว กนกวรรณ ผู้เสียหาย เธอเล่าให้ฟังทั้งน้ำตา ว่าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณปีที่แล้ว ตนเองเข้าไปเล่นวงแชร์ออนไลน์วงหนึ่ง หวังเก็บเงินก้อน พอหลวมตัวเล่นวงแชร์ได้ไม่นาน วงก็ถูกปิด แล้วมีหญิงคนหนึ่งที่ชื่อนุ่น อ้างตัวว่าเป็นเมียทหาร ซึ่งอยู่วงแชร์คนละกลุ่ม เข้ามาตีสนิทและชักชวนไปร่วมวงแชร์ของคนชื่อนุ่น


ด้วยความที่ตนเองอยากได้เงินคืนจากวงแชร์ จึงตัดสินใจเข้าร่วมวงแชร์ที่คนชื่อนุ่นมาชักชวน แต่พอเล่นไปได้ไม่นาน ยอดส่งยอดแชร์ไปแล้วกว่า 3 แสนบาท ปรากฏว่าแชร์วงนี้ปิดอีก คนชื่อนุ่น จึงออกอุบายชักชวนให้ลุงทุนขายของออนไลน์ เพื่อจะนำเงินที่ขายของได้ มาใช้หนี้คืนที่ค้างค่าแชร์ แต่ยังไม่ทันตอบรับคำ คนชื่อนุ่นก็ติดต่อกลับ บอกว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีฉ้อโกงที่ศาลจังหวัดสกลนครและศาลจังหวัดปราจีนบุรี หากถูกดำเนินคดี เงินที่ค้างไว้ก็จะไม่ได้ และไม่อยากติดคุกเพราะมีลูกต้องดูแล จึงมาขอยืมเงิน 150,000 บาท เพื่อไปประกันตัว



โดยอ้างว่าแม่กับน้าจะได้เงินกองทุนสหกรณ์กว่า 3 แสนบาท จากนั้นจะนำเงินก้อนนี้ มาใช้คืน รวมทั้งหนี้เก่าด้วยรวมเป็นเงิน 270,000 บาท ซึ่งคนที่ชื่อนุ่น อ้างว่าจะคืนให้ภายในวันที่ 20 ไม่เกิน 25 กรกฎาคม ด้วยความสงสาร อีกทั้งเห็นว่าสามารถติดต่อบุคคลที่อ้างว่าเป็นน้าสาวได้ จึงยอมโอนเงินไปให้ตามที่ตกลง ครั้งแรก ก็คือ 150,000 บาท


พอถึงวันกำหนดที่ต้องคืนเงิน นุ่นก็ไม่คืน จึงทวงถาม ก็ผลัดวันมาตลอด จนต่อมา คนชื่อนุ่น แจ้งว่าตนเองจำเป็นต้องไปขึ้นศาลอีกครั้ง โดยอ้างว่า หากไม่ไป ก็จะต้องถูกดำเนินคดี และครั้งนี้ ทนายความจะไม่ยอมขึ้นว่าความให้โดยอ้างว่าจะต้องเสียค่าทนาย 50,000 บาท พร้อมทั้งส่งรูปที่ศาลมาให้เพื่อยืนยันว่าคนชื่อนุ่น อยู่ศาล จริง ครั้งนี้อ้างว่า น้าสาวจะเอารถไปจำนำ จึงยอมโอนเงินอีกรอบ 50,000 บาท


หลังจากนั้น นุ่นก็อ้างเรื่อยมา ทั้งค่าทนายความคนใหม่ และยังมาถูกดำเนินคดี พ.ร.บ. เช็ด อีก ต้องใช้เงินค่าประกันตัว ค่าปรับ ค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยครั้งนี้ อ้างว่าตนเองมีที่ดินอยู่ที่ต่างจังหวัดแปลงหนึ่ง จะนำที่ดินแปลงนี้ไปขายให้ พร้อมทั้งส่งโฉนดมายืนยัน ตนเองก็หลงเชื่อเพราะอยากได้เงินทั้งหมดคืน จึงยอมโอนไปอีกหลายแสนบาท ไม่นาน คนชื่อนุ่น ติดต่อกลับมา บอกว่า ที่ดินที่จะขายนั้นติดกับเจ้าของที่คนอื่น จำเป็นต้องเอาเงิน 100,000 บาท ไปเคลียร์กับเจ้าของที่ดินข้างเคียง พร้อมทั้งส่งหลักฐานเป็นสลิปโอนเงิน ที่บอกว่าค่าใช้จ่ายที่ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังขาดอีก 100,000 จึงหลงเชื่อโอนไปอีก เสียค่ารังวัดค่าดำเนินการต่าง ๆ อีก


แต่เรื่องก็ยังไม่จบเพียงแค่นี้ คู่กรณียังออกอุบายทั้งหลอกว่าพี่สาวเครียดจนกินยาฆ่าแมลงต้องไปล้างท้องและต้องหาเงินค่าหมออีกหลักแสน พร้อมส่งบิล ส่งใบรับรองแพทย์มาให้ ตนก็ยังคาดหวังว่า จะได้เงินคืนก็ยังหลงเชื่อโอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งละหลักแสนขึ้นไป ซึ่งนุ่นมีการนำบุคคลที่กล่าวอ้างต่าง ๆ มาพูดคุยสายด้วยทำทีว่ายืนยันตัวตนทั้งหมดได้ แม้แต่ให้โอนเข้าบัญชี ของสามีที่เป็นนายทหารเบ็ดเสร็จ กนกวรรณ บอกว่า ตนเองโอนเงินให้คนชื่อนุ่น ไป ทั้งสิ้น 5,739,000 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดที่หามาได้ทั้งชีวิต รวมถึงสามีที่หามาช่วย และเงินกู้บัตรเครดิต รวมถึงเงินเก็บของแม่เพียงหวังว่าจะได้เงินคืนทั้งหมด


ที่ผ่านมา ทั้งถูกกดดันจากคู่กรณี ที่คอยทักมาคุยโทรมาคุยพูดโน้มน้าวจนใจอ่อน มีการทำอ้างหนังสือสัญญาเงินกู้สหกรณ์ รวมถึงอ้างไปยังผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ที่มีที่ดินของคู่กรณี ซึ่งพอตรวจสอบไปย้อนหลังพบว่าเอกสารทั้งหมดที่คนชื่อนุ่นนำมาแสดงเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น กว่าจะรู้ตัวก็หมดเงินจนไม่มีให้คู่กรณีแล้ว


หลังจากนั้นก็ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ แต่คดีก็ไม่คืบหน้าและทราบว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆ ตนเองจึงไปสืบหาที่อยู่ของนุ่น จนไปทราบว่า พักอยู่ที่แฟรตทหารแห่งหนึ่ง เพราะมีสามีเป็นนายทหารประจำวังแห่งหนึ่ง ด้วยความที่อยากได้เงินคืนทั้งหมด ตนเองจึงตัดสินใจเขียนหนังสือถวายฎีกาไปยังสำนักพระราชวัง เพื่อขอให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเป็นครอบครัวของนายทหารประจำวัง แต่ก็ไม่มีการตอบกลับหนังสือแต่อย่างใด


ติดต่อสอบถามไปยังต้นสังกัดของนายทหาร ก็ระบุว่าจากการสอบสวนนายทหารรายนี้แล้ว ให้ข้อมูลว่าได้หย่าร้างกับภรรยาไปแล้ว เงินที่ผู้เสียหายโอนเข้าบัญชีนายทหารนั้นก็โอนต่อให้ นุ่น อดีตภรรยาไปแล้ว ทำให้ตนเองหมดหนทางที่จะดำเนินการและหวังได้เงินคืนแล้ว ได้แต่นอนทุกข์กินไม่ได้นอนไม่หลับมาตลอด ซ้ำยังไม่เหลือเงินใช้จ่ายภายในบ้าน และยังต้องมาคอยดูแลลูกทั้งสองคนรวมถึงแม่ วัย 67 ปี


เคยบอกกับพี่สาวว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นจากหนี้สินทั้งหมด จนกระทั่ง แม่มาพูดคุยและให้กำลังใจ แต่หลังจากที่มีข่าวปรากฏเรื่องพ่อฆ่าลูกและเมีย เพราะถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงินแบบนี้ แม่ก็เกรงว่าตนเองจะคิดสั้นจึงให้ติดต่อมายังนักข่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ