เลือกตั้งและการเมือง

'เศรษฐา' ควง 'สุทิน' คุยชื่นมื่น ว่าที่ ผบ.เหล่าทัพ ลดนายพล-เกณฑ์ทหาร - 'บิ๊กแป๊ะ' รับถูกทาบเป็น ผช.รมว.กลาโหม

โดย passamon_a

4 ก.ย. 2566

272 views

เมื่อวันที่ 3 ก.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐนตรี พร้อม นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นัดหารือเป็นการภายใน และร่วมรับประทานอาหารกลางวัน กับผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพ คือ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก, พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่โรงแรมโรสวูด กรุงเทพ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านความมั่นคง และรับทราบปัญหาต่าง ๆ ขาดเพียง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ที่ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ


โดยการหารือกันวันนี้ นอกจากเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านความมั่นคงและทราบปัญหาต่าง ๆ แล้ว ยังเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับรัฐบาลพลเรือน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ให้เกียรติซึ่งกันและกันและเข้าอกเข้าใจกัน  


ทั้งนี้มีรายงานว่า หนึ่งในประเด็นที่มีการหารือกันในวันนี้คือ นโยบายการเกณท์ทหารแบบสมัครใจของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้งสองฝ่ายรับปากว่าจะไปทำการบ้าน เพราะการพูดคุยกันวันนี้ส่วนหนึ่งจะนำไปประกอบความเห็นเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภาฯ ในวันที่ 11 กันยายนนี้


นอกจากการหารือกับ ผู้บัญชาการ 4 เหล่าทัพแล้ว นายสุทิน คลังแสง มีกำหนดการเดินทางเข้าพบอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาทิ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ,พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อขอคำแนะนำในการทำงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้าพบ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา มาแล้ว


และยังเตรียมที่จะเข้าพบนักวิชาการด้านความมั่นคง เช่น ศาสตราจารย์สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยจะเดินสายให้ครบทุกคนก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายของรัฐบาลเนื่องจากจะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาประกอบการจัดทำนโยบายรัฐบาลด้วย


ทั้งนี้มีรายงานว่า การพบปะครั้งนี้เพื่อทำความรู้จักกัน โดยนายเศรษฐาได้ขอให้ทหารมาร่วมกันพัฒนาประเทศ และขอให้ทหารช่วยเป็นแบ็คอัพ อยากให้จับมือไปด้วยกัน เพราะประเทศเป็นของพวกเราทุกคน ซึ่งการพบปะครั้งนี้ยังไม่มีการพูดคุยลงลึกในรายละเอียดแผนงานของกองทัพ เพราะยังไม่ถึงเวลา


พร้อมกันนี้ นายเศรษฐาได้ให้นายสุทิน ในฐานะ รมว.กลาโหม ไปทำการบ้านงานในตำแหน่งมา ซึ่งนายสุทินก็รับฟัง และร่วมแลกเปลี่ยนกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ


ต่อมา นายสุทิน เปิดเผยถึงการพูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ พร้อมกับนายเศรษฐา และนายปานปรีย์ ว่า ไปพูดคุยถึงสถานการณ์ของประเทศ สอบถามปัญหาและแลกเปลี่ยนความต้องการของแต่ละฝ่าย ซึ่งทางฝ่ายการเมืองได้ระบุว่าอยากผลักดันนโยบายต่าง ๆ อาทิ การเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ การร่วมกันพัฒนากองทัพให้เป็นที่พึ่งของประชาชนมากยิ่งขึ้น ร่วมถึงสอบถามความต้องการของกองทัพว่ามีความต้องการอยากให้รัฐบาลสนับสนุนในเรื่องใดบ้าง


รวมถึงมีความกังวลหรืออุปสรรคอะไรเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งทางกองทัพมีความเห็นไปทิศทางเดียวกับรัฐบาล ที่เขาเองก็ปรับปรุงองค์กรมาโดยตลอด ไม่ขัดข้องอะไรและยินดีปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนจะทำได้ช้าหรือเร็ว ก็จะสะท้อนให้รัฐบาลทราบถึงข้อติดขัดให้รัฐบาลช่วย


เมื่อถามว่าสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้เมื่อไหร่ นายสุทิน กล่าวว่า จะเห็นผลเป็นรูปธรรมในทันที ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหารเป็นรูปแบบสมัครใจ ในเดือน เม.ย.2567 ที่จะมีการเกณฑ์ทหารอีกครั้ง จะเห็นอัตราเกณฑ์ทหารที่ลดลงจากเดิมอย่างแน่นอน และจะค่อย ๆ หมดไปจนเหลือเพียงการเข้ากองทัพแบบสมัครใจ รวมถึงการปรับลดขนาดกองทัพ ที่สังคมมองว่ากองทัพมีนายพลมากเกินไป


เท่าที่คุยกับทางกองทัพ เขามีแผนปรับลดในส่วนนี้อยู่ ภายในปี 70 หรือในรัฐบาลนี้กองทัพจะกระชับลง นายพลจะหายไปจำนวนมาก ส่วนจะเป็นกี่เปอร์เซ็นต์นั้นกองทัพกำลังทำตัวเลขมาให้ดู และที่ผ่านมาเขามีแผนอยู่แล้วแต่ยังไม่ได้ประชาสัมพันธ์ และเท่าที่ได้พูดคุยกัน เมื่อนายกฯได้ฟังความเห็นของกองทัพแล้วก็มีความสบายใจ


เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่กับการคุมกองทัพ นายสุทิน กล่าวว่า เดิมหนักใจ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้สบายใจขึ้นมาก เพราะการทำงานกับคนมีวินัยเขาพูดง่าย และเท่าที่ได้พูดคุยกับ ผบ.เหล่าทัพ เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความคิดใหม่ ๆ ถือเป็นจังหวะที่ดีของตนที่ได้เข้าไปพัฒนา ส่วนนโยบบายที่จะเอาทหารออกมาเพิ่มบทบาท พัฒนาเป็นที่พึ่งประชาชน เขาก็ตอบรับว่าเป็นภารกิจของกองทัพอยู่แล้ว เพราะความยากจนเป็นภัยชนิดหนึ่ง กองทัพยินดีปฏิบัติ เช่นใช้ทหารเข้ามามีส่วนร่วมแก้ภัยแล้งเขาก็พร้อม การนำที่ดินของทหารที่ไม่ได้ใช้งานมาให้ประชาชนทำกิน หรือให้หน่วยงานอื่นไปใช้ประโยชน์ เช่นให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งน้ำเขาก็ยินดี แต่รัฐบาลต้องจัดการระเบียบปฏิบัติให้


รวมถึงเรื่องปราบยาเสพติด ทหารเขาเคยรับบทบาทนี้มาโดยตลอด เขาก็ยินดีสนองนโยบายรัฐบาล โดยทั่วไปถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี ทำให้มั่นใจว่า กองทัพจะมีบทบาทออกมาช่วยแก้ปัญหาประเทศร่วมรับรัฐบาล และจากการพูดคุยสิ่งที่ทั้งฝ่ายการเมืองและกองทัพเห็นตรงกันคือ กองทัพต้องมีการยกเครื่องงานประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาทองทัพทำเรื่องที่เป็นประโยชน์จำนวนมา แต่สังคมรับรู้อีกอย่างทำให้สังคมมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อกองทัพ


นายสุทิน กล่าวด้วยว่า หลังจากพูดคุยกับว่าที่ ผบ.เหล่าทัพแล้ว หลังจากนี้จะไปพบ พล.อ.อ.สุกําพล สุวรรณทัต อดีตรมว.กลาโหม รวมถึง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรมว.กลาโหม และกำลังประสานเข้าพบ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ พล.อ.เชาวลิต ยงใจยุทธ รวมถึงจะพบนักวิชาการด้านความมั่นคง อาทิ นายสุรชาติ บำรุงสุข นายปราโมทย์ นาครทรรพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นแง่มุมต่าง ๆ ด้านความมั่นคงต่อไป


ขณะที่ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า นายสุทินได้เชิญตนไปพูดคุยแล้ว โดยแจ้งให้ตนทราบว่าจะให้มาช่วยงานที่กระทรวงกลาโหม โดยให้มาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยได้มอบหมายงานในบางส่วนให้แล้ว ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล


อาทิ การปรับวิธีการคัดเลือกทหารกองเกิน การปรับโครงสร้างกองทัพ การทำหน่วยทหารให้พี่น้องประชาชนได้เข้าถึงมากขึ้น โดยหน่วยทหารใดที่มีโรงพยาบาลทหาร ก็ให้เปิดรับรักษาประชาชนเพิ่มมากขึ้น การใช้พื้นที่ของทางราชการทหารให้เป็นประโยชน์ทางด้านการเกษตรเพิ่มมากขึ้น และการทำกองทัพให้ทันสมัย เป็นต้น


"ปัจจุบันนี้หน่วยทหารเราไม่ได้ไปรบกับใครแล้ว แต่ละประเทศก็ต่างทำมาหากินกัน ประเทศเพื่อนบ้าน เราก็พูดกันรู้เรื่องหมด เราเป็นเพื่อนกันหมดแล้ว ทหารเราก็มาทำให้ประชาชนได้กินอิ่ม นอนอุ่นกัน"


ทั้งนี้ ตนเตรียมที่จะยื่นหนังลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/ovaYlVm3xP4

คุณอาจสนใจ

Related News