เลือกตั้งและการเมือง

"พท." ขออภัย ปชช.สภาล่ม “ก้าวไกล” ซัดพรรคร่วม บีบน้ำตาเห็นปัญหาปชช. แต่หนีกลับบ้าน “ภท.” ย้อนเหมือนเด็กไม่ได้ดั่งใจ

โดย paranee_s

31 ส.ค. 2566

637 views

วันนี้ (31 ส.ค. 2566) ที่รัฐสภา นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคร่วมรัฐบาล แถลงข่าวว่า การพิจารณาในวันนี้ ไม่ใช่กฎหมาย หรือเป็นญัตติที่รัฐบาลเสนอ เพราะเป็นญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเข้ามา และเป็นปัญประชาชนเช่นกัน จึงไม่ควรนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาประชาชน


ซึ่งตนเองเคยเป็นวิปฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน และเคยชักชวน สส.พรรคก้าวไกล ให้นับองค์ประชุมรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาในอดีต แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่ทำ แต่ในวันนี้ พรรคก้าวไกล อาจแตกฉานวิชาของฝ่ายค้านแล้ว จึงขอแสดงความยินดีด้วย


แต่ก็ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นกฎหมายที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยก็ชอบธรรมที่จะดำเนินการเช่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง หรือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หากฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ฝ่ายค้านก็จะขอนับองค์ประชุม แต่ในการพิจารณาครั้งนี้ ถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ควรที่จะต้องให้ความเห็นชอบ และให้ข้อคิดเห็นถึงรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาประชาชนโดยเร็ว และยืนยันว่า วิปรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเร่งพิจารณาให้เสร็จ เพื่อให้รัฐบาล นำไปแก้ปัญหาให้เกษตรกรโดยเร็ว พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า ในสมัยการประชุมนี้ จะประมาทให้สภาต้องล่มอีก


นายจุลพันธ์ ยังเชื่อว่า การขอนับองค์ประชุมครั้งนี้ เป็นผลต่อเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.) ที่พรรคก้าวไกล เสนอให้มีการเลื่อนวาระการประชุม ขอให้นำญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎร มีมติให้คณะรัฐมนตรี จัดการออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาล ไม่เห็นด้วยให้มีการเลื่อนญัตติ เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศแล้วจะมีมติคณะรัฐมนตรีจัดการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกที่รัฐบาลจะดำเนินการอยู่แล้ว และกลไกที่พรรคก้าวไกลเสนอนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพราะยังต้องขอมติจากวุฒิสภาอีก ซึ่งสมัยสภาชุดที่ผ่านมา ญัตติดังกล่าวก็ถูกวุฒิสภาตีตกไปแล้ว ดังนั้น จึงเชื่อว่า กลไกนี้จะไม่สำเร็จ และขอให้รอมติคณะรัฐมนตรี ที่จะสามารถดำเนินการได้ทันที และเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่า


ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ที่ประกาศตัวเป็นว่าที่ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ ประธานวิปรัฐบาล ยอมรับว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (31 ส.ค.) ไม่คิดว่า สส.พรรคก้าวไกล จะใช้วิธีการนับองค์ประชุมในครั้งนี้ ที่เร็วเกินไป และการนับองค์ประชุมส่วนใหญ่ จะเป็นกรณีที่ฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายสำคัญ แต่การพิจารณาญัตติครั้งนี้ ถือเป็นประโยชน์ของเกษตรกรทั้งสิ้น


ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่ขอเข้าร่วมแสดงตน และขอแสดงบทบาทฝ่ายค้านไม่ร่วมในการนับองค์ประชุมครั้งนี้ และยืนยันว่า ไม่ว่าในอนาคตฝ่ายค้านจะมาไม้ใด ตนก็จะรู้ทันเช่นเดียวกัน พร้อมชมเชยพรรคร่วมฝ่ายค้านในการทำหน้าที่วันนี้ (31 ส.ค.) แต่ยืนยันว่า ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล จะปรับปรุงตัวให้ สส.มาประชุม เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเดินหน้าต่อไปได้ จึงขอกราบอภัยประชาชน และขออภัยฝ่ายค้านที่เห็นไม่ตรงกัน พร้อมมั่นใจว่า เมื่อมีวิป 2 ฝ่ายแล้ว จะสามารถประสานงานกันได้ง่ายขึ้น


โดยระหว่างที่พรรคเพื่อไทยกำลังแถลงข่าว ได้มีกลุ่ม สส. จากพรรคก้าวไกลและพรรคภูมิใจไทย มายืนรอต่อคิวแถลงอยู่ในห้อง


ต่อมานายภราดร ปริศนานันทกุล สส.จ.อ่างทอง ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยสส.ของพรรค แถลงภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่ม ว่า เนื่องจากมีสส. ของพรรคก้าวไกลเสนอให้มีการนับองค์ประชุม โดยระบุว่า ในจำนวน 11 ญัตติที่พรรคการเมืองยื่นเข้ามา มีญัตติของสส. จากพรรคภูมิใจไทยอยู่เกือบครึ่ง ซึ่งสส. ของพรรคได้นั่งรอกันตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ในการที่จะขึ้นอภิปราย เพราะทราบดีว่า กำลังเข้าสู่วาระพิจารณาในเรื่องสำคัญ


อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลพยายามแทรกคำถามของการทำประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แซงหน้า 11 ญัตติที่เกี่ยวกับปากท้องของประชาชน ซึ่งไม่ใช่มารเพียงญัตติของพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นฝ่ายค้าน ก็เสนอญัตติรวมอยู่ด้วยเช่นกัน โดยสส. ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการขอเลื่อนระเบียบวาระ


นายภราดร กล่าวต่อว่า จนถึงวันนี้อภิปรายไปแล้ว 1 ญัตติ ก็ได้มีสส.พรรคก้าวไกลเสนอให้นับองค์ประชุม ก่อนจะมีการกล่าวหาว่า พรรคร่วมรัฐบาลเล่นละคร เรื่องปากท้องของประชาชนสำคัญ แต่เรื่องการทำประชามติไม่สำคัญ ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ก็เคยเห็นชอบกับการเสนอคำถามประชามติ เพียงแต่ตอนนี้เราเห็นว่าปากท้องของประชาชนสำคัญกว่า


“แต่สิ่งที่ชัดเจนว่า ใครไม่ให้ความสำคัญ ดูได้จากญัตติทั้ง 11 เรื่อง น่าแปลกใจ ที่เมื่อสักครู่คนที่ลุกขึ้นขอนับองค์ประชุม ผมไม่รู้ชื่อจริงเขา รู้แต่ว่าชื่อโตโต้ บอกว่าเขาให้ความสำคัญกับเรื่องกุ้ง เอากุ้งไปช่วยพี่น้องประชาชนขาย แต่น่าแปลกใจที่ 11 ญัตตินี้ ไม่มีญัตติของพรรคก้าวไกล แม้แต่เพียงเรื่องเดียว” นายภราดร กล่าว


นายภราดร กล่าวอีกว่า 150 เสียงที่พรรคก้าวไกลอ้างว่าอยู่ในห้องประชุม บอกจะมาเป็นผู้แทนประชาชน แต่กลับมาเล่นเกม ซึ่งเรื่องที่ท่านต้องการจะอภิปรายเมื่อวันที่ 30 ส.ค. ไม่สำเร็จ เพราะเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ท่านก็อาละวาด ตีโพยตีพาย เหมือนเด็กๆ ไม่ได้ดั่งใจก็ไม่เอาด้วย ทั้งที่อยู่ในห้องประชุม พร้อมย้ำว่า องค์ประชุมเป็นหน้าที่ของสส. ทั้งหมด ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง พรรคก้าวไกล 150 เสียงในห้องประชุม แต่ไม่กดแสดงตนหมายความว่าอย่างไร


นายภราดร กล่าวทิ้งท้ายว่า ให้พี่น้องประชาชนไปถามสส. พรรคก้าวไกล แทนที่จะใช้เวทีสภาแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน กลับเอามาใช้เล่นเกมการเมืองเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง ขอใช้โอกาสขอโทษประชาชนแทน 11 ญัตตินี้ด้วย รวมถึง 5 ญัตติของพรรคภูมิใจไทย ที่เราไม่สามารถนำเสนอญัตติได้ เพราะเราพลาดท่าเสียทีให้กับเกมการเมืองของพรรคก้าวไกล


“แต่เมื่อสักครู่นี้ พรรคเพื่อไทยได้บอกไปแล้วว่า จะไม่ประมาทกับเกมทางการเมืองของพรรคก้าวไกลแบบนี้อีก ก็ถือโอกาสตรงนี้ขออภัยพี่น้องประชาชน” นายภราดร กล่าว


ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และนายปิยรัฐ จงเทพ สส. กทม. แถลงข่าวภายหลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มเป็นครั้งแรก หลังพรรคก้าวไกลได้เสนอให้มีการนับองค์ประชุมระหว่างการพิจารณาญัตติเพื่อศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำของฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล แต่ปรากฏว่ามีผู้แสดงตนเพียง 98 คนเท่านั้น


นายปิยรัฐ กล่าวว่า ตนได้รับฟัง และรอคอยญัตติของผู้เสนอญัตติทั้งการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเรื่องกุ้ง และราคาพืชผลการเกษตร ที่จริงๆ แล้วควรเข้าตั้งแต่เมื่อวาน เพราะเขาให้เหตุผลว่า การทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นไม่สำคัญเท่าปากท้องประชาชน แต่ความจริงแล้วทั้งสองเรื่องนี้คือเรื่องเดียวเดียวกัน ฉะนั้นถ้าเขาให้ความสำคัญจริง เราก็จะพร้อมที่จะรับฟังและอภิปรายด้วย


นายปิยรัฐ กล่าวว่า เพื่อนสมาชิกของพรรคก้าวไกลร่วมกันเตรียมเนื้อหาข้อมูลเพื่ออภิปรายในเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็มีเพื่อนสมาชิกจากพรรคร่วมรัฐบาลชี้แจงว่า เวลาล่วงเลยมาถึงสามทุ่มแล้ว แต่พวกตนก็ยังอยู่กัน พอมาถึงวันนี้ ตนก็รอให้จนถึงญัตตินี้แต่ก็ไม่เห็นสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลผู้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้นักหนาจะเข้ามาในที่ประชุมเพียงพอ จึงคิดว่า แบบนี้เป็นเรื่องที่โฆษณา หรือให้เกิดความเข้าใจว่า ปากท้องสำคัญแต่ความเป็นจริงแล้วเพื่อนสมาชิกไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้


นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า มีเพียงสมาชิกของพรรคก้าวไกลเท่านั้นที่มีจำนวนเกือบครบ แต่แล้วเมื่อมีการนับองค์ประชุม ท่านไม่ต้องมาขอร้องให้พวกเรา (พรรคก้าวไกล) เข้าร่วม แต่ท่านต้องไปขอร้องเพื่อนสมาชิกของท่านว่า ให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชน ถึงแม้ว่าจะให้ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเป็นฝ่ายนับองค์ประชุมก็ไม่ครบ เพราะจำนวนฝ่ายรัฐบาลรวมกับพรรคก้าวไกล ก็ไม่ถึง 250 อยู่ดี


ด้านนายวิโรจน์ กล่าวว่า ปัญหาของพี่น้องเกษตรกรมีความสำคัญอย่างมาก หากกล้องแพลนไปที่ห้องประชุมจะพบว่า ตนภูมิใจในพรรคก้าวไกลอย่างมาก พวกเรานั่งกันเต็ม และสมาชิกพรรคก้าวไกลเตรียมที่จะอภิปราย รวมทั้งจะเสนอญัตตินี้ด้วยเช่นกัน เพราะเรามากันครบ จำนวนสมาชิกผู้แทนราษฎรที่นั่งประชุมคือตัวสะท้อนที่ชัดเจนว่าให้ความสำคัญกับญัตติของพี่น้องเกษตรกรหรือไม่ ไม่ใช่พูด หรือแอคติงในสภาฯ ร้องไห้ว่าฉันเห็นความสำคัญแล้วไม่มาประชุม และอย่าอ้างว่า ประชุมที่อื่นบ้าง อยู่ในห้องบ้าง กรรมาธิการสามัญยังไม่มี ตนเชิญนักข่าวไปดูที่ชั้น B2 (ชั้นลานจอดรถ) ได้เลย หลังเที่ยงก็กลับบ้านกันไปแล้ว


“พูดดราม่าว่า พี่น้องเกษตรกรสำคัญ แล้วทำไมไม่ตามกันมาประชุม ทำไมกลับบ้านก่อน หรือทั้งหมดเป็นแค่ภาพการรณรงค์เพื่อให้ได้มาเพื่อคะแนนเสียงของประชาชนเท่านั้น อีกหน่อยฝ่ายรัฐบาลจะอภิปรายอะไร สภาฯ ต้องขึ้นหรือไม่ว่า นี่เป็นเพียงการโฆษณาเท่านั้น ตกลงนี่คือแสดง หรือการให้ความสำคัญจริงๆ” นายวิโรจน์ กล่าว


นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า แปลกหรือไม่ที่ยกมือจะประท้วง ขอพูด ไม่ต้องพูด โทรศัพท์ตามเพื่อนให้มาประชุม แล้วสุดท้ายก็ไม่มาเพราะกลับบ้านกันไปแล้ว นับองค์ประชุม 96 พรรคก้าวไกล 150 ต่อให้เราทุกคนเป็นองค์ประชุมก็ไม่ถึง 250 ดังนั้นพวกเราเห็นความสำคัญของพี่น้องเกษตรกร และเรายืนยันด้วยจำนวนสมาชิกผู้แทนราษฎรที่ร่วมประชุมในญัตตินี้ ไม่ได้ร้องไห้ หรือประท้วง แต่ สส. ของพรรคตัวเองไม่มา ดังนั้นขอให้ประชาชนเข้าใจกันให้ถูกต้องว่า ใครกันแน่ที่ใส่ใจประชาชนจริงๆ หรือใครกันแน่ที่ใส่ใจเพื่อการโฆษณาเท่านั้น

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ