‘หมอชลน่าน’ ขอโทษปชช. จัดสรร รมต. ไม่เป็นตามหวัง แต่ขอให้มั่นใจนโยบายเพื่อไทย

“หมอชลน่าน” ขอโทษประชาชน และ สส. จัดสรรเก้าอี้ไม่เป็นตามคาดหวัง หลังแบ่งโควต้า ก.เกษตรฯ - ก.ศึกษาฯ ให้พรรคร่วม มั่นใจไม่มีปัญหาขับเคลื่อนนโยบาย เหตุใช้นโยบายเพื่อไทยเป็นหลัก

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดโผคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่พรรคเพื่อไทยรวบรวมรายชื่อจากพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อส่งให้เลขาธิการ ครม. ตรวจสอบคุณสมบัติ โดยเกือบแล้วเสร็จ 100% แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่ สส. อีสาน พรรคเพื่อไทย ไม่พอในการแบ่งโควตารัฐมนตรีโดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงศึกษาธิการ ที่ให้โควตาพรรคอื่นนั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เรามี สส. ทุกพื้นที่ไปรับฟังปัญหาจากประชาชน ซึ่งเรารับฟังและรับทราบข้อเสนอแนะมาตลอด ในฐานะที่รัฐบาล ต้องมีพรรคร่วมรัฐบาล การทำงานร่วมกัน การเจรจาต่อรอง เพื่อเป้าหมายร่วมกัน ก็ต้องพิจารณาร่วมกัน ทำให้บางกระทรวงไม่เป็นไปตามความต้องการ เพราะเราไม่ได้เสียงข้างมาก จึงมีข้อจำกัด ทำให้ความประสงค์ของประชาชน และ สส. ไม่เป็นไปตามคาดหวังไว้ จึงต้องขออภัยไว้ด้วย แต่ในฐานะพรรคแกนนำ ภายใต้รัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า จะใช้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นหลักในการขับเคลื่อน ไม่ว่ารัฐมนตรีจะมาจากพรรคไหน ก็จะมีข้อผูกพันตรงนี้ และขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทย ถือเป็นการชดเชยกันได้

เมื่อถามว่า นโยบายพักหนี้เกษตรกรของพรรคเพื่อไทยจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนหรือไม่ เมื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีรัฐมนตรีมาจากพรรคอื่น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา เพราะต้องมีการพูดคุยกัน และนโยบายเราได้มีการพูดคุย มีการแถลงในนามพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว ว่าเราจะใช้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก และจะเขียนเป็นนโยบายของรัฐบาลออกมา

ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหากเป็นพลเรือนจะสามารถคุมกองทัพได้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้นยังไม่สิ้นสุด จึงบอกไม่ได้ว่าจะเป็นพลเรือน หรือ คนมียศ มีตำแหน่ง แต่การบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดในฐานะผู้บริหารจะสามารถบริหารในกระทรวงนั้นได้ตามนโยบายของรัฐบาล เชื่อว่า ไม่เป็นประเด็น โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาลที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสมานฉันท์ ปรองดอง ลดความขัดแย้ง เชื่อหากทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน ไม่ว่ารัฐมนตรีจะมาจากพลเรือน หรือ ทหาร จะเข้ามาช่วยกันทำงาน เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของประเทศและประชาชน