เลือกตั้งและการเมือง

'ประยุทธ์' ขอบคุณประชาชน ข้าราชการ - 'เศรษฐา' ตอบปมยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

โดย passamon_a

27 ส.ค. 2566

42 views

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก ขอบคุณประชาชนและข้าราชการ ฝ่าฟันอุปสรรค ฟื้นฟูประเทศมาด้วยกัน บอก 9 ปี ในการเป็นนายกรัฐมนตรี เป็น 9 ปีที่มี ความหมายกับชีวิต ประเทศเดินหน้า โดยมีข้อความดังนี้


"พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ ตลอดระยะเวลา 9 ปี ของการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย เป็นช่วงเวลาที่มีความหมายมากที่สุดของชีวิต เป็น 9 ปีที่ได้ทำงานเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของผม และของเราทุกคน เป็น 9 ปีที่ผมได้ใช้สติปัญญา ทุ่มเททุกศักยภาพและกำลังความสามารถ สานพลังจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน รวมทั้งเชิดชูสถาบันอันเป็นที่รักของปวงชนชาวไทย และเป็น 9 ปีของประเทศไทยที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด มีความเจริญก้าวหน้าในหลายด้านทัดเทียมนานาอารยประเทศ และพร้อมยกระดับไปสู่ประเทศชั้นนำของโลก ในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยเหตุผลสำคัญได้แก่


1. เป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยมี "ยุทธศาสตร์ชาติ" ระยะยาว 20 ปี เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางและกรอบแนวคิดในการพัฒนาประเทศในทุกมิติ ให้เกิดความต่อเนื่อง เป็นเป้าหมายให้ทุกภาคส่วนได้ทำงานร่วมกัน ขับเคลื่อนประเทศตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกระดับ


2. มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมครั้งยิ่งใหญ่ ในทุกระบบ ทั้งทางถนน ทางราง ทางทะเล และทางอากาศ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในอนาคต ยกบทบาทของประเทศจากความโดดเด่นทางภูมิรัฐศาสตร์ ให้เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ ด้านการบิน ด้านการขนส่งสินค้า ด้านการท่องเที่ยว ฯลฯ


3. มีความพร้อมเรื่อง "เศรษฐกิจดิจิทัล" และ "เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม" โดยมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล และ 5G ที่โดดเด่นในภูมิภาค เป็นที่ดึงดูดการลงทุนบริษัทชั้นนำของโลกหลายราย ซึ่งจะส่งเสริมบทบาทให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้าน 5G - Data center - Cloud services ที่สำคัญในภูมิภาค มีการใช้ประโยชน์ของประชาชนในชีวิตประจำวัน การศึกษาหาความรู้ การประกอบอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตนและสร้างรายได้ที่สูงขึ้นของคนทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ


4. มีการกำหนด 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รวมทั้งมีเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตส่งเสริมเศรษฐกิจเพื่อกิจการพิเศษ ทั้งด้านการแพทย์ ด้านนวัตกรรม ด้านดิจิทัล เป็นต้น ที่เป็นแหล่งบ่มเพาะแรงงานทักษะสูง-แรงงานแห่งอนาคต รวมถึงเกษตรอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองตลาดแรงงานในอนาคต และการพัฒนาประเทศในศตวรรษที่ 21


5. สร้างกลไกในการบริการจัดการทรัพยากรที่สำคัญของชาติ (1) "น้ำ" ออกกฎหมายน้ำฉบับแรกของประเทศ มีสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) บูรณาการหน่วยงานน้ำในทุกระดับ (2) "ดิน" ตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และจัดทำแผนที่ One Map เพื่อแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อนมาหลายสิบปี รวมทั้งจัดสรรที่ดินทำกินให้กับผู้ยากไร้-เกษตรกร (3) "ป่า" เช่น ออกกฎหมายป่าชุมชน ไม้มีค่า และตลาดคาร์บอนเครดิต เพื่อส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ


6. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เช่น (1) ส่งเสริมสวัสดิการกลุ่มเปราะบางทั้งเด็ก-ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ (2) ส่งเสริมบทบาทกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กองทุนยุติธรรม และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (3) การยกระดับศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ด้วยการศึกษา รองรับความท้าทายใหม่ๆ ของโลกในอนาคต


7. ปฏิรูปกฎหมายไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน อำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และดึงดูดการลงทุนเพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ รวมทั้งแก้ไขและบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล สามารถแก้ไขวิกฤตชาติได้ในหลายเรื่อง เช่น ปลดธงแดง ICAO และแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย IUU สร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยในเวทีโลก


8. ประยุกต์เทคโนโลยีที่ทันสมัยในระบบราชการไทย เพื่อยกระดับการให้บริการแก่ประชาชนและเอกชน ที่เข้าถึงง่าย - สะดวก - โปร่งใส เช่น (1) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ช่วยให้การจ่ายเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตรงเป้าหมาย เต็มเม็ดเต็มหน่วย ตรวจสอบได้ (2) UCEP สายด่วน 1669 บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ฟรีทุกสิทธิ์ ทุกโรงพยาบาล เป็นต้น


9. สร้างความสัมพันธ์ทั่วโลก ทั้งในรูปแบบทวิภาคี-พหุภาคี และเขตการค้าเสรี (FTA) รวมทั้งรื้อฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายความร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และตลาดการค้าระหว่างกัน


ทั้งนี้ การเดินทางของประเทศไทยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ราบรื่น หรือง่ายดาย ยังคงมีวิกฤตโควิด วิกฤตความขัดแย้งในโลก ที่ส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน ค่าครองชีพ และเงินเฟ้อจนถึงในปัจจุบัน แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนไทย ช่วยให้เราฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ และฟื้นตัวมาได้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ยังคงผันผวน


ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อนข้าราชการ และทุกภาคส่วน ที่ได้เสียสละและอดทนในทุกสถานการณ์ที่ผ่านมา เพื่อให้ส่วนรวม สังคม และประเทศชาติ กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ซึ่งผมมั่นใจอย่างยิ่งว่าประเทศไทยนับจากวันนี้เป็นต้นไป จะไม่ได้เริ่มนับที่ 1 อีกต่อไป หากทุกอย่างที่เราสร้างกันมานั้นได้รับการต่อยอด ก็จะทำให้เราเดินทางเข้าสู่ "เส้นชัย" ได้เร็ววันขึ้นครับ"


ด้าน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหารือผู้ประกอบการจังหวัดพังงา ถึงกรณี พลเอกประยุทธ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ซึ่งมีเนื้อหาในลักษณะส่งมอบงานต่อ ว่า ตนยังไม่ได้อ่านข้อความของพลเอกประยุทธ์ เดี๋ยวจะรับไปพิจารณา และมีหลายคนที่อยู่ในรัฐบาลเดิม ทางเราขออนุญาตไปพูดคุยและไปรับฟังงานที่ทำค้างไว้ โดยเฉพาะงานลงทุนที่มาจากต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่สามรถต่อยอดไปได้


ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่พลเอกประยุทธ์ ได้ริเริ่มไว้ พรรคเพื่อไทย จะสานต่ออย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องมาดูว่าจะสามารถทำได้ หรือทำไม่ได้อย่างไรบ้าง ช่วงที่ผ่านมามีสถานการณ์เปลี่ยนไปมากเช่นเดียวกัน บางอย่างจะล็อกไปยาว 20 ปี ก็จะต้องดูในเรื่องความเหมาะสมด้วย เพราะโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปพอสมควร ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ควรศึกษาให้ดีก่อน


เมื่อถามว่าทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งหรือไม่ เพราะนายกฯจะควบรมว.คลัง นายเศรษฐา ระบุว่า อยากให้ผลงานเป็นตัวพิสูจน์ ไม่อยากจะพูด แต่จะพยายามเต็มที่ในสภาวะที่ค่อนข้างจะลำบากและเศรษฐกิจมีปัญหา ตนทราบดีว่ามีความคาดหวังสูง แต่เชื่อว่าคนที่ถูกคัดเลือกมาพร้อมที่จะทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย


เมื่อถามถึงผลสำรวจของมหาวิทยาลัยศรีปทุม พบว่าความนิยมเพื่อไทยลดลงนั้น ขอให้ดูที่ผลงาน เพราะวันนี้เพื่อไทยเดินหน้าทำงานทุกวัน ไม่มีความเหน็ดเหนื่อย พร้อมกล่าวว่า ความคาดหวังของคนไม่สามารถควบคุมได้ แต่ยืนยันว่าคณะทำงานของเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่ เพราะทุกคนเข้าใจถึงความเปราะบางทางด้านเศรฐกิจ สังคม การเมือง ที่จะต้องเดินไปข้างหน้า




รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/rmE8b-5obcM

คุณอาจสนใจ

Related News