สังคม

เจ้าอาวาส โต้ หญิง ร้องแม่ชีจิ้มรอบแผลพ่อถูกงูกัด ทำเนื้อตาย ฟาดคนไข้ฝ่าฝืนข้อห้ามจนแผลเน่า แต่โบ้ยพระ

โดย paranee_s

25 ส.ค. 2566

2.1K views

จากกรณีผู้ใช้งาน Facebook รายหนึ่ง ส่งเรื่องมาร้องเรียน บอกอยากให้สื่อฯช่วยตรวจสอบ แม่ชีวัดดังในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะพ่อของตนเองถูกงูกัด แล้วไปให้แม่ชีรักษา โดยร่ำลือกันว่า สามารถรักษาแผลงูกัดและยับยั้งพิษงูได้ ด้วยการใช้เข็มจิ้ม ปรากฏว่าพ่อไปรักษาอยู่ 18 วัน เนื้อตาย เท้าเน่า จนต้องตัดเอาเนื้อที่ตายออก เห็นถึงกระดูกและเส้นเอ็น เวลาปวดแผล ทางแม่ชีสั่งห้ามกินยาแผนปัจจุบันเด็ดขาดและห้ามไปรักษาด้วยวิธีอื่น เพราะจะผิดครู ผิดวิธีการที่สอนกันมา ถ้าปวดมากจริง ๆ ให้ใช้น้ำมันสมุนไพรขวดละ 100 บาท ทาที่แผลแทน สุดท้ายพ่อปวดจนทนไม่ไหว ลูกสาวต้องยอมหักดิบพาพ่อไปรักษาที่โรงพยาบาล หมอจึงรีบผ่าตัดด่วนเพราะเนื้อตายแผลเน่า กลัวจะลุกลามและหากโชคร้ายแผลติดเชื้ออาจถึงชีวิตได้


ทีมข่าว ลงพื้นที่คุยกับพ่อของหญิงสาวรายนี้ชื่อ ลุงหมู (นามสมมุติ) อายุ 59 ปี โดยลุงหมู ชี้ภาพงูเขียวหางไหม้ให้ดูและบอกว่าถูกงูชนิดนี้กัดที่บริเวณหลังเท้าแล้วรีบไปโรงพยาบาล หมอทำการเจาะเลือดตรวจทุก 3 ชั่วโมง จากนั้นให้กลับบ้าน


พอกลับมาถึงบ้าน ลุงหมูบอกว่ารู้สึกอาการไม่ดีขึ้นจึงตัดสินใจไปรักษากับหมอพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงด้านการรักษาแผลงูและพิษงู ซึ่งเป็นพระที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอทับสะแก ซึ่งเดิมทีจะเป็นพระทำการรักษาให้ด้วยการใช้เข็มจิ้มน้ำยาสมุนไพรและจิ้มไปตรงบริเวณแผลที่ถูกงูกัด แต่ตอนนี้คนที่ทำการรักษา คือ แม่ชี ลูกศิษย์ของพระ และต้องรักษาต่อเนื่องทุกวัน คนไข้คนอื่น ๆ เลือกนอนอยู่ที่วัดเลย


ส่วน ลุงหมู บอกว่า ตนเองขอรักษาแบบไป-กลับ ซึ่งทนเจ็บให้แม่ชีจิ้มแผลอยู่นานกว่า 18 วัน และมีการใช้กรรไกรตัดชิ้นเนื้อที่ตายออกด้วย แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น แผลเริ่มบวมและขยายใหญ่ขึ้น ระหว่างที่รักษา แม่ชีจะมีกฎให้รักษาสัจจะต้องมาหาแม่ชีทุกวัน และมีข้อห้าม คือ ห้ามกินยาแพทย์แผนปัจจุบันและห้ามไปโรงพยาบาล หรือรักษานอกเหนือจากที่แม่ชีรักษา อ้างว่าจะผิดครู ถ้าปวดมากจะมียาสมุนไพรให้กินและมีน้ำมันให้ ซึ่งแม่ชีรักษาให้ฟรีแล้วแต่จะทำบุญ


ขณะที่นางสาวเฟิร์น ลูกสาวของลูกหมู บอกว่า ตนเองเคยไปดูการรักษาของแม่ชีที่วัด ซึ่งเห็นว่าสถานที่ดูไม่เหมาะสม เป็นกุฏิไม้เก่า ดูไม่สะอาด ขณะที่ทำการรักษาก็ยังมีหมาขึ้นลงกุฏิ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ไม่รู้ว่ามีการฆ่าเชื้อ อย่างถูกวิธีหรือไม่ เท่าที่เห็นเช่นกันไกลที่ใช้ตัดชิ้นเนื้อที่เท้าของพ่อก็ใช้ร่วมกันกับคนไข้ คนอื่น ๆ ตนเองเคยทักท้วงและถามไปที่แม่ชี ก็เจอคำพูดตอบกลับมาแบบไม่ดี พอเห็นอาการพ่อ ทรุดหนักกว่าเดิมจึงตัดสินใจพา มารักษาที่โรงพยาบาล อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบวิธีการรักษาของแม่ชีรายนี้


ล่าสุดทีมข่าว ลงพื้นที่ไปยังวัดที่ทำการรักษา ในตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องโบสถ์ไม้ตาล ที่สร้างจากไม้ต้นตาลและเป็นที่รู้จักทั้งคนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เรื่อง เจ้าอาวาสรักษาคนถูกงูกัดด้วยการใช้เข็มจิ้มสมุนไพร และมาจิ้มรอบ ๆ แผล เคยเป็นข่าวดังช่วงปี 2561 ซึ่งทีมข่าวไปถึงวัดตั้งแต่ประมาณตี 5 เพราะแม่ชีและพระอาจารย์พงษ์ จะทำการรักษาคนไข้ตั้งแต่ช่วงเช้า ปรากฏว่ามีคนไข้มารอรักษาเต็มกุฏิและมาอย่างต่อเนื่อง


เมื่อพระอาจารย์พงษ์ เห็นทีมข่าว ตอนแรกท่านไม่อยากให้สัมภาษณ์ เพราะไม่พอใจนักข่าวช่องหนึ่งที่มาทำข่าวก่อนหน้านี้ แต่เสนอข่าวในลักษณะดูถูก ดูแคลนวิชาหมอพื้นบ้านที่ท่านล่ำเรียนมาจากบรรพบุรุษ และเอาไปเล่าข่าวแบบสนุกปาก จนชาวบ้านที่เคารพศรัทธาพากันด่าสาปแช่ง พร้อมบอกว่า ถ้าให้สัมภาษณ์กับช่อง 3 ต้องเสนอตรงไปตรงมา


พระอาจารย์บอกว่า การรักษาของตนเองนั้นจะให้กินยาสมุนไพร ก่อนจากนั้นใช้เข็มจิ้มยาสมุนไพรเย็น 2 ชนิด แต่ท่านไม่บอกว่าคืออะไร จากนั้นนำมาจิ้มรอบแผลที่ถูกงูกัดหรือสัตว์มีพิษกัด เพื่อยับยั้งพิษไม่ให้ลุกลามไปส่วนอื่น ๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนเข็มและใส่ถุงมือตลอด โดยมีข้อห้ามว่า ห้ามกินข้าวเหนียว ไข่ กล้วย น้ำเย็น เหล้า 5 วันหลังจิ้มเข็ม


และห้ามแกะผ้าพันแผลหรือทำอะไรกับแผลเด็ดขาด ใช้เวลารักษาอย่างน้อย 5 วันแล้วแต่ชนิดงูและความแรงของพิษ ส่วนลุงหมูที่มาให้รักษาและมีปัญหาเท้าเน่า เพราะไม่ยอมปฏิบัติตามข้อห้าม หนำซ้ำยังไปเอาหนามต้นอะไรไม่รู้มาเจาะเอาน้ำเหลืองออก พอแผลเน่าก็มาโทษที่พระอาจารย์ แล้วที่ให้ข้อมูลไปว่า น้ำมันขวดละ 100 บาทก็ไม่จริง เพราะที่วัดขายขวดละ 50 บาทและไม่ใช่น้ำมันสำหรับทาแผลงูกัด เป็นน้ำมันเลียงผาทาแก้ปวดเมื่อย


ส่วนที่บอกว่า ห้ามกินยาแก้ปวด พระอาจารย์พงษ์ บอกว่าจริง เพราะทางวัดให้กินยาสมุนไพร มันจะได้ออกฤทธิ์ดี ยาไม่ตีกัน ส่วนยารักษาโรคประจำตัวสามารถกินได้ตามปกติ หลังออกข่าวไปทางสาธารณสุขจังหวัดเข้ามาบอกว่าให้ยุติการรักษาและขอใบอนุญาตหมอพื้นบ้านให้เรียบร้อยก่อน แต่พระอาจารย์ บอกว่า หยุดไม่ได้เพราะอย่างที่เห็นคนไข้มารอให้รักษามาไม่หยุด ซึ่งเรื่องการขอใบอนุญาตพระอาจารย์พงษ์บอกว่าเคยทำเรื่องขอไปตั้งแต่ปี 2561 ขอไปกี่รอบก็เงียบ ไม่เห็นได้สักทีและที่ให้แม่ชีเป็นคนจิ้มแผลให้ ก็เพื่อป้องกันข้อครหาว่าเป็นพระไปถูกเนื้อต้องตัวผู้หญิง


ขณะที่ทีมข่าว สอบถามกับชาวบ้านหลายคนที่ถูกงูกัดหรือสัตว์มีพิษกัดและมารอต่อคิวให้พระอาจารย์รักษา ขอความเป็นธรรมให้กับพระอาจารย์ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รักษาด้วยวิธีนี้แล้วดีขึ้น แต่ต้องใช้ความอดทนและปฏิบัติตามข้อห้ามอย่างเคร่งครัด ส่วนจะดีจริงหรือไม่ ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบหรือศึกษาวิธีการรักษาแบบนี้ดูก่อน ถ้าดีก็ขึ้นทะเบียนเป็นแพทย์แผนไทย เพราะจริง ๆ การรักษาด้วยวิธีนี้ก็มีมาตั้งแต่โบราณ


ขณะที่ นายแพทย์วรา เศลวัตนะกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า หลังทราบเรื่องได้ส่งเจ้าหน้าที่กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข และกลุ่มงานการแพทย์แผนไทย ร่วมกับ สาธารณสุขอำเภอทับสะแก ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลทันที 



พบว่าวัดที่มีการรักษางูกัดคือ วัดหนองหอย หรือวัดอ่างสุวรรณ ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก ซึ่งเจ้าอาวาสวัด ยอมรับว่ามีการรักษาผู้ถูกงูกัดจริง โดยเข็มที่นำมาใช้ในการรักษาเป็นเข็มใหม่แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และจะเก็บเข็มที่ใช้แล้วแยกไว้ส่งสถานบริการสาธารณสุขในพื้นที่ให้ช่วยทำลายเดือนละครั้ง ส่วนแม่ชีที่ทำการรักษาได้รับการถ่ายทอดวิธีการมาจากเจ้าอาวาส



นายแพทย์วรา กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจกับเจ้าอาวาสและแจ้งข้อกฎหมายให้ทราบว่า การรักษาผู้ป่วยต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ซึ่งต้องทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพและต้องได้รับอนุญาต จึงจะทำการรักษาได้ ส่วนกรณีเป็นการรักษาโดยใช้ภูมิปัญญาโบราณที่ถ่ายทอดกันมา จะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านก่อน และทำการรักษาภายใต้เงื่อนไขของการเป็นหมอพื้นบ้านตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย และเนื่องจากแม่ชีรายดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน จึงให้หยุดทำการรักษาผู้ป่วยทันทีจนกว่าจะดำเนินการเรื่องขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ