กระบะขนแรงงาน พุ่งชนท้ายรถสิบล้อ เด็ก6ขวบรอดชีวิตในอ้อมกอดศพแม่

กระบะบรรทุกแรงงานชาวเมียนมาร์พุ่งชนท้ายรถสิบล้อที่บรรทุกไม้มาเต็มคัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 5 ราย ขณะที่เด็กชายวัย 6 ขวบ รอดชีวิตราวปาฎิหารย์ หลังอยู่ในอ้อมกอดของศพแม่ที่เสียชีวิตคาซากรถ

กล้องวงจรปิด บริเวณด้านหน้าสถานที่ตรวจสภาพรถเอกชนแห่งหนึ่ง ใกล้กับสำนักงานขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีบันทึกภาพเหตุการณ์ ขณะที่รถสิบล้อที่บรรทุกไม้มาเต็มคัน กำลังขับมาตามถนนในเลนกลางมุ่งหน้าสี่แยกแก่งเสี้ยน จากนั้น ได้มีรถยนต์กระบะที่ขับตามหลังมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าชนท้ายรถสิบล้อคันดังกล่าวเข้าอย่างจัง จนรถพังเสียหายยับเยิน จากนั้นคนขับรถสิบล้อได้ขับรถเข้าไปจอดข้างทาง ส่วนรถกระบะคันดังกล่าว ได้ไหลไปตามความลาดชันของพื้นถนน ก่อนจะปีนขึ้นไปติดอยู่บนฟุตบาททางเท้า ด้านหน้าสำนักงานขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีพลเมืองดีที่ขับรถผ่านมาพบเห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปดูคนเจ็บและโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์เข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอุบัติเหตุในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 05.08 นาฬิกา ของวันที่ 16 สิงหาคม 2566

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ได้รีบเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนรอความช่วยเหลืออยู่ในซากรถ จำนวน 4 ราย เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน ส่วนที่เบาะหน้าด้านข้างคนขับ พบศพหญิงสาวเสียชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็คือ ศพของหญิงคนดังกล่าว ได้อุ้มเด็กชายอายุ 6 ขวบเอาไว้แน่น เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบก็พบว่า เด็กคนดังกล่าวยังมีชีวิตอยู่ จึงรีบนำตัวของเด็กออกมาจากอ้อมกอดของศพและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนต่อไป

ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี ได้ตรวจสอบในซากรถคันดังกล่าวพบเอกสารบัตรประจำตัวและพาสปอร์ตของชาวเมียนมาร์ รวมถึงกระเป๋าเสื้อผ้าอีกหลายใบอยู่ภายในซากรถ ส่วนชายคนขับก็เป็นชาวเมียนมาร์ที่มีใบขับขี่ของไทยระบุว่ามาจากจังหวัดสมุทรสาคร

เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า รถกระบะคันดังกล่าว น่าจะเดินทางมารับแรงงานชาวเมียนมาร์กลุ่มนี้จากจังหวัดกายจนบุรี เพื่อจะเดินทางไปทำงานที่จังหวัดสมุทรสาคร แต่ในระหว่างที่กำลังขับรถ ชายคนขับอาจจะเกิดวูบหลับใน จึงขับรถพุ่งเข้าชนท้ายรถสิบล้อคันดังกล่าวเข้าอย่างจัง จนส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม จะได้รอสอบปากคำชายชาวเมียนมาร์ที่เป็นคนขับรถกระบะอีกครั้ง พร้อมตรวจสอบว่าแรงงานชาวเมียนมาร์กลุ่มนี้ เดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ต่อไป