เลือกตั้งและการเมือง

"ปดิพัทธ์" ไม่เครียดหากต้องพ้นจากตำแหน่งรองประธานสภา ชี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

โดย paranee_s

9 ส.ค. 2566

456 views

วันนี้ 9 ส.ค.2566 นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม ระบุว่าตามรัฐธรรมนูญหากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน นายปดิพัทธ์ จะต้องออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ ว่า สิ่งที่นายวิษณุพูดถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเหตุใดรัฐธรรมนูญ 60 จึงเขียนแบบนี้ ตนก็ไม่ทราบเจตนารมณ์ ซึ่งประเทศอื่นก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้ แต่ก็แน่นอนว่าในรัฐธรรมนูญได้บันทึกเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน


ส่วนพรรคก้าวไกลคงให้ทางพรรคหารือกันเอง เพราะกลายเป็นว่าจะต้องเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เนื่องจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะต้องไม่มีสมาชิกพรรคที่มาจากตำแหน่งใน ครม. ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือว่าเป็นกิจการภายในของพรรคก้าวไกล ตนไม่ขอก้าวล่วง และไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการหารือกันหรือยัง เนื่องจากตนไม่ได้เข้าประชุมพรรค และเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค


ส่วนมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนพร้อมในทุกบทบาทแล้ว ตอนนี้ยังเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอยู่ ก็ได้ทำตามวิสัยทัศน์ที่ได้ประกาศเอาไว้ให้เรียบร้อย ทั้ง Smart และ Open Paliament และหากไม่เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ยังมีบทบาทของ สส. และกรรมาธิการฯ ก็สามารถ ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มภาคภูมิเช่นกัน ไม่ได้รู้สึกเสียดาย


เมื่อถามว่ากรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะมีเงื่อนไขอย่างไรนั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะเรื่องของนายพิธา ก็กำลังเจออยู่ว่าเป็นความไม่แน่นอนของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ


เมื่อถามว่ามีโอกาสเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเพื่อรับตำแหน่งหรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ


ส่วนจะทำให้สภา เป็นสภาของประชาชนอย่างไรนั้น หากต้องออกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายปดิพัทธ์กล่าวว่า ตนจะไปผลักดันต่อในคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร และข้อเสนอหลายอย่าง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรก็เห็นด้วย และตรงกับวิสัยทัศน์ของเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว จึงคิดว่าสิ่งที่ตนเสนอสามารถไปต่อได้


เมื่อถามย้ำว่าตั้งหลักอย่างไร เมื่อเพื่อไทยไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ ขอโฟกัสที่งานของตัวเอง และย้ำว่าไม่มีความเสียใจ


นายปดิพัทธ์ กล่าวย้ำว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่มีปมปัญหาเยอะไปหมด ดังนั้นกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะมาจากประชาชนจริง ๆ และเข้าใจกระบวนการว่าประเทศเราควรจะไปอย่างไร สร้างรัฐสภาแบบไหน ซึ่งไม่ใช่มีเฉพาะปมนี้ แต่ยังมีปมให้สว. มาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ซึ่งฝ่ายที่เครียดไม่ใช่ตน แต่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้ และประชาชนที่จับตาดูอยู่


เมื่อถามว่ายังหวังหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาง้อขอร่วมรัฐบาล นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น และเป็นงานของฝ่ายเจรจาที่จะไปเจรจากันเอง


เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมขอโทษและขอขมาพรรคก้าวไกล เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้นั้น นายปดิพัทธ์ ย้ำว่า ทุกอย่างเต็มเรื่องของทีมเจรจา ซึ่งตนเป็นคนวงนอกมาก ๆ ก็ขอทำงานของตัวเองหากมี 1 วัน ก็ทำ 1 วัน หากที 4 ปีก็ทำ 4 ปี และตนก็ไม่ได้คิดอะไร และคิดว่าตอนนี้หลายอย่างก็ผลักดันได้เร็วกว่าที่คิด ดังนั้น ก็ยังทำงานเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ตาม แต่ก็รู้สึกแปลกที่พรรคอันดับ 1 ชนะการเลือกตั้ง เสียงอันดับ 1 ไม่ได้เป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และคิดว่าความแปลกพวกนี้เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 60 กับการสืบทอดอำนาจของคสช. ซึ่งคิดว่าอย่าไปคิดเป็นสาระที่จะต้องยึดเอาไว้


เมื่อถามย้ำว่ารู้สึกว่าพรรคก้าวไกลพลาดตั้งแต่ต้นที่ปล่อยตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับพรรคอื่นหรือไม่ นายปดิพัทธ์ ระบุว่า ไม่มีอะไรพลาด ทุกอย่างเป็นการเจรจาที่ดีที่สุดในตอนนั้น และอยากบอกกับประชาชนว่า การเมืองตอนนี้ หลายท่านก็เครียด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรายวัน ก็อยากให้ติดตามการเมืองและเชื่อใจ ว่ากระบวนการต่าง ๆ เดินหน้าได้ พรรคที่แต่ละท่านเลือกมา ก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ขอให้ประชาชนจับตาดูและตัดสิน ไม่ต้องเครียดมากเพราะยังมีเรื่องใหญ่ ๆ อีกเยอะ เส้นหากมีการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างใหม่ก็ต้องมีการทำประชามติหลายรอบ จะต้อง มีเรื่องการตั้ง สสร. จึงเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่จะต้องทำร่วมกับประชาชนอีกเยอะ

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ