สังคม

ชายวัย 59 ป่วยอัมพฤกษ์ เหมารถจากพิษณุโลก มาหาลูกชายที่นนทบุรี แต่ลูกสั่งรปภ.ไม่ให้พ่อเข้าหมู่บ้าน

โดย paranee_s

7 ส.ค. 2566

24.9K views

เมื่อเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งจาก รปภ.ของหมู่บ้านแห่งหนึ่งให้ช่วยมาเชิญตัวผู้ป่วยรายหนึ่งซึ่งนั่งรถเข็นมากับรถยนต์คันหนึ่ง ต้องการจะเดินทางเข้าไปในหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อขอพบลูกชายที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แต่ต่อมาเมื่อทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติได้สอบถามไปยังลูกชายของผู้ป่วยรายนี้ กลับได้รับแจ้งกลับมาว่า ไม่สะดวกที่จะออกมาพบ และสั่งกำชับ รปภ.ของหมู่บ้านว่าห้ามชายคนดังกล่าวเข้าไปวุ่นวายในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด ทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ.ต้องตัดสินใจทำตามคำสั่งลูกบ้านด้วยโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาเชิญตัวชายป่วย ซึ่งเป็นพ่อแท้ ๆ ออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไป ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเชิญตัวมายังโรงพักเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป


จากการตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวพบว่าชายผู้ป่วยรายนี้คือนายธนะภัทร อายุ 59 ปี อาชีพคนขับแท็กซี่ ตระเวนขับรถแท็กซี่อยู่ย่านปากน้ำ สมุทรปราการ ก่อนที่จะล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ได้เพียง 2 อาทิตย์และไปรักษาตัวตามสิทธิ์การรักษาอยู่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลก ได้ว่าจ้างเหมารถให้เดินทางมาตามหาบ้านของลูกชายคนเล็กที่พักอาศัยอยู่ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี ด้วยความหวังที่ว่าจะให้ลูกชายช่วยดูแลต่อ หลังจากที่ล้มป่วยลงจนกลายเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก โดยนายธนะภัทธ ได้ออกเดินทางมาพร้อมกับภรรยาใหม่ที่เพิ่งอยู่กินกันมาได้ประมาณ 4 ปี


นายวินัย อายุ 32 ปี คนขับรถรับจ้างที่พาเดินทางมาส่ง กล่าวว่า นายธนะภัทธได้ว่าจ้างให้ตนขับรถจากจังหวัดพิษณุโลกมาตามหาบ้านลูกชายคนเล็กที่อยู่แถวอำเภอบางบัวทอง หลังจากที่แกล้มป่วยลงได้เพียง 2 อาทิตย์ ด้วยความรู้จักมักคุ้นกัน ตนจึงขับรถพาแกมาหาบ้านของลูกชาย โดยออกเดินทางตั้งแต่ 2 ทุ่มของเมื่อวานนี้มาถึงที่บางบัวทองประมาณตี 3 หลังจากนั้นจึงได้แวะจอดอาศัยนอนกันในปั๊มน้ำมัน เพื่อรอให้ถึงเช้า ก่อนจะเดินทางไปพบลูกชายแกในตอนเช้า


แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่หน้าหมู่บ้านแล้ว ทาง รปภ.ให้จอดรถอยู่ที่ด้านนอก เพื่อรอติดตามกับทางเจ้าของบ้านก่อน แต่ทางลูกชายอ้างว่าไม่สะดวกออกมาพบและให้ตนพาพ่อของเขาเดินทางกลับไปได้เลย แต่ลุงไม่ยอมกลับจะรอพบจนกว่าลูกชายจะออกมา จนกระทั่งเวลาประมาณเกือบ 8 โมงเช้าลูกชายคนเล็กของลุงแกขี่รถบิ๊กไบก์ออกมา ตนจึงเรียกให้จอดเพื่อพูดคุยกัน แต่ลูกชายแกไม่ยอมรับอ้างว่าจะรีบไปทำงานไม่สะดวกดูแล ให้ตนพาพ่อเขากลับไปได้เลย


จากนั้นลูกชายก็ขี่รถบิ๊กไบก์ออกไปโดยไม่สนใจพ่อของเขาที่นั่งอยู่ในรถ ก่อนที่สักพักต่อมาทาง รปภ.จะเดินมาแจ้งให้พวกตนกลับออกจากหมู่บ้านไป เพราะลูกชายของลุงโทรมาแจ้งว่า ห้ามคนกลุ่มนี้เข้าไปวุ่นวายในหมู่บ้านโดยเด็ดขาด แต่ลุงก็ยังไม่ยอมกลับ ทาง รปภ.จึงโทรแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญตัวไปที่โรงพักเพื่อหาทางช่วยเหลือ ตนรู้สึกสงสารลุงจับใจ เหมือนเห็นน้ำตาแกจะไหลที่รู้ว่าลูกชายปฏิเสธไม่รับพ่อมาอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่แกมีลูกชายอยู่ 2 คน ส่วนคนโตไม่สามารถติดต่อได้และไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน


น.ส.ลัดดาวัลย์ อายุ 38 ปี ภรรยาใหม่ กล่าวว่า ลุงได้ขอย้ายเข้ามาอยู่ในทะเบียนบ้านของตนที่จังหวัดพิษณุโลกเพื่อจะไปทำเรื่องดาวน์รถออกมาขับ โดยที่แกก็ขับรถอยู่แถวสมุทรปราการ ไม่ได้ไปพักอาศัยอยู่ที่พิษณุโลก จนกระทั่งต่อมาแกเกิดอาการน็อกเบาหวาน เส้นเลือดตีบ ตนกับพ่อแม่ก็ต้องหารถลงรับตัวแกขึ้นไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลในจังหวัดพิษณุโลกตามสิทธิการรักษาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ซึ่งทางบ้านตนไม่สะดวกที่จะรับภาระดูแลแกต่อไปได้ เพราะทุกคนต้องทำงาน ตนจึงถามกับแกว่าแกอยากจะไปอยู่ไหน แกก็บอกว่าอยากกลับไปอยู่กับลูกชาย อยากกลับไปหาลูก ตนจึงตัดสินใจหยิบยืมเงินเหมารถจากพิษณุโลกพาแกมาตามหาบ้านลูกชายคนเล็กของแก จนกระทั่งมาเจอกันและทางลูกชายลุงก็ยืนยันว่านี่คือพ่อของเขาจริง แต่เขาไม่เอา ให้ตนพากลับไปด้วย


น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าวอีกว่า ทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่ใช่ญาติอะไรของลุง ยังรู้สึกจุกอกขนาดนี้ ถ้าเป็นตนเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า ลูกที่เลี้ยงมาแท้ๆ ยังทำแบบนี้ได้ แค่เขาถึงเวลาเจ็บป่วยช่วงสุดท้ายของชีวิต หวังจะมีลูกมาดูแลกลับถูกลูกผลักไส ไม่เอา ตนยังรู้สึกเสียใจมากเลย ตนไม่รู้มาก่อนว่าลุงแกมีปัญหาอะไรกับครอบครัวแกมาก่อนหรือไม่ ตนไม่รู้เพราะไม่เคยถามเป็นเรื่องส่วนตัวของแก รู้แต่ว่าลุงรักลูกชายแกทั้งสองคนมากเพราะมีอัลบั้มรูปของลูกชายแกทั้งสองคนพกติดตัวไว้ตลอดเวลา


ทางด้านนายธนะภัทร หรือลุงขับแท็กซี่ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก ซึ่งพอสื่อสารได้ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนเลือกขอกลับไปอยู่กับลูกนั้นเป็นเพราะทางนี้จะพลอยลำบากกับตนไปด้วย ตนเลยอยากกลับไปอยู่กับลูกมากกว่า ที่ผ่านมาตนก็ดูแลส่งเสียลูกเรียนจนจบการศึกษาทั้ง 2 คน แต่หากลูกไม่ยอมรับตน ตนก็ไม่โกรธ ไม่ผิดหวังใด ๆ กับลูก ลุงโชเฟอร์กล่าวด้วยน้ำตาคลอ


ในเวลาต่อมา ทาง พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง ได้ประสานกับทางนางนวรัตน์ ศักดิ์โชตินนท์ ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี และเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม จ.นนทบุรี เข้าให้ความช่วยเหลือนายธนะภัทร ลุงโชเฟอร์แท็กซี่ที่ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์เข้าไปอยู่ในความดูแลของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งก่อน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายคือฝ่ายลูกชายที่ไม่ยอมรับพ่อไปอยู่ด้วยกับทางฝ่ายครอบครัวใหม่ที่ไม่สะดวกดูแล เพื่อหาทางติดต่อกับทางลูกชายคนโตต่อไป

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ