ชัชชาติ เผยกฎหมายแก้ไขแอชตันอโศก กรอบ 30 วันยื่นขอใบอนุญาตสร้างให้ถูกต้อง

เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 66 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ และนายสุรัช ติระกุล ผอ.สํานักงานควบคุมอาคาร ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงแนวทางการดำเนินการกับแอชตัน คอนโด หลังจากศาลมีคําสั่งเพิกถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง

นายวิศณุ กล่าวว่า โครงการแอชตัน อโศก แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ เรื่องการยื่นแจ้งเพื่อขอการก่อสร้าง โดยบริษัทอนันดา เจ้าของโครงการแอชตัน ยื่นครั้งแรกเมื่อปี 58 ซึ่งกรุงเทพฯ ก็มีหนังสือทักท้วงไป และมีการยื่นต่อมาอีกรวม 3 ครั้ง ซึ่งกรุงเทพฯ ก็มีหนังสือทักท้วงไปตลอด กระทั่งมีการฟ้องเป็นคดีกันในปี 58 และหลังก่อสร้างเสร็จก็จะต้องมีการยื่นขอเปิดอาคาร ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ได้ทําการยื่นขอมาในเมื่อปี 60 กรุงเทพฯ จึงทักท้วงไปเนื่องจากยังมีคดีเรื่องทางเข้าออกที่ไม่ได้ตามที่กฎหมายกําหนด ทำให้โครงการแอชตัน ยื่นอุทธรณ์ไปที่กรรมการควบคุมอาคาร จนกรรมการอุทธรณ์ พิจารณาเห็นว่า กรุงเทพฯ ควรออกใบอนุญาตให้ ซึ่งทางสํานักการโยธา จึงได้ออกใบอนุญาตให้แบบมีเงื่อนไข

โดยระบุว่า "เรื่องที่ดินที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ที่มีผู้ฟ้องคดีกรณีโครงการใช้ที่ดินของ รฟม. ผ่านเข้า-ออก นั้น หากศาลมีคําพิพากษาสิ้นสุดแล้ว ผลพิจารณาทําให้อาคารดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย ผู้ได้ใบรับรองจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อตนเองและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งต้องดําเนินการแก้ไขอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารต่อไป"

นายชัชชาติ กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 41 ระบุชัดถึงเจตนารมณ์ว่า สามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ โดยให้ระยะเวลา 30 วัน ซึ่งทาง กทม. จะต้องเชิญทางบริษัทอนันดา เจ้าของโครงการแอชตัน และผู้เกี่ยวข้องมาร่วมหารือว่าสามารถปรับปรุงและแก้ไขตามที่กฎหมายกําหนดได้หรือไม่ หากไม่ได้ กรุงเทพฯ อาจจะขยายระยะเวลาให้ได้ตามเหตุอันสมควร และขอยืนยันว่า ไม่ได้เอื้อประโยชน์แก่ผู้ใดทั้งสิ้น แต่คําพิพากษาของศาลตัดสินให้เพิกถอนใบอนุญาต ไม่ใช่การรื้อถอน ดั้งนั้น จึงต้องให้โอกาสในการยื่นขอใบอนุญาตใหม่ เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย

ทั้งนี้ ลูกบ้านคอนโดฯ ก็ยังสามารถใช้ทางเข้า-ออกของคอนโดฯ ได้ตามปกติ เพราะตัวอาคารไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ รถดับเพลิงก็ยังสามารถเข้าไประงับเหตุผ่านทางเข้า-ออกปัจจุบันได้ จึงไม่จําเป็นจะต้องสั่งปิดอาคาร

อย่างไรก็ตาม นายชัชชาติ ระบุด้วยว่า หลังจากนี้จะต้องนําเรื่องดังกล่าว เป็นกรณีศึกษาการก่อสร้างคอนโดฯ ในอนาคตรอบสถานีรถไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซํ้ารอยแบบนี้ต่อไป