หนุ่มวัย 26 ปี วิ่งราวทอง 1 บาท ถูกพลเมืองดีรวบทันควัน อ้างหาเงินช่วยแม่ปลดหนี้

เมื่อเวลา 13.23 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2566 คลิปจากกล้องวงจรปิดของห้างทอง ริมถนนสุขุมวิท ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ จับภาพนาทีผู้ก่อเหตุทราบชื่อภายหลังคือนายพลรชัย อายุ 26 ปีทำทีเป็นลูกค้าเข้าร้านมาขอเลือกซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พอสบโอกาสคว้าทองวิ่งหนีออกจากร้านไป เจ้าของร้านทองวิ่งตามก่อนร้องตะโกนให้คนช่วย พลเมืองดีเห็นเหตุการณ์วิ่งตามจับตัวเอาไว้ได้ก่อนโทรเจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือนำตัวไปดำเนินคดี


นายวรเดช อายุ 65 ปี เจ้าของร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุเข้ามาขอดูสร้อยคอทองคำหนักครึ่งสลึงพอหยิบให้ผู้ก่อเหตุดูเกิดเปลี่ยนใจ ขอดูเป็นสร้อยคอหนัก 1 บาทแทน พอตนหยิบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มาวางไว้ที่ถาดสีแดงผู้ก่อเหตุก็คว้าทองวิ่งออกไปเลย ตนจึงวิ่งตามออกไปตะโกนให้คนช่วย พอดีช่างกุญแจร้านข้าง ๆ ตนได้ยิน จึงวิ่งไล่ช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้ ตอนจับตัวได้ผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใดๆ


นายสุจินต์ อายุ 35 ปี พลเมืองดี เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นตนนั่งอยู่ที่วินรถโดยสาร เห็นเหตุการณ์พอดี จึงวิ่งไล่ตามไป ตอนนั้นเห็นผู้ก่อเหตุพยายามจะเอาจักรยานยนต์ของชาวบ้านแถวนั้นไปเพื่อหลบหนี ตนจึงวิ่งตามไปกระชากคอเสื้อผู้ก่อเหตุไว้ ส่วนผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ขัดขืนใด ๆ ตนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่


นายพลรชัย อายุ 26 ปี ผู้ก่อเหตุ บอกว่า บ้านตนอยู่หลานหลวง กรุงเทพฯ นั่งรถประจำทางมาจากเทเวศมาสุดสายที่สำโรง พอลงจากรถก็เดินเลือกร้านทอง จนมาเจอร้านทองของผู้เสียหาย คิดว่าร้านเก่า ๆ น่าจะให้ดูทองง่าย พอเข้าไปเจ้าของร้านก็หยิบทองให้ดูตามที่ตนบอก พอสบโอกาสเลยคว้าทองวิ่งหนี แต่ไปไม่พ้นวิ่งไปประมาณ 200 เมตร ก็ถูกพลเมืองดีตามจับได้ สารภาพที่ทำไปเพราะอยากช่วยแม่ ที่ไปกู้เงินนอกระบบมา 15,000 บาท ต้องส่งดอกทุกวันหยุดส่งไม่ได้ ตนสงสารแม่มาก คิดว่าจะวิ่งแล้วหนีรอดนำสร้อยไปขายแล้วนำเงินไปให้แม่ปลดหนี้ได้ จึงลงมือก่อเหตุ


เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ นำตัว นายพลรชัย พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ส่งพนักงานสอบสวนพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาวิ่งราวทรัพย์ ส่งตัวดำเนินคดี นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุพบว่า เคยมีประวัติถูกจับในคดียาเสพติด 2 ครั้ง และร่วมกันชิงทรัพย์ 1 ครั้ง