เลือกตั้งและการเมือง

เลิกอ้าง 14 ล้านเสียงสักที! 'ธนกร' ชี้เสนอชื่อซ้ำ ทำเสียเวลาสภา ชี้โหวตนายกฯ รอบ 2 ควรให้ 'เพื่อไทย' เสนอ

โดย nattachat_c

18 ก.ค. 2566

26 views

วานนี้ (17 ก.ค. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกรณี พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะไปโหวตแข่งเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ว่า ไม่ได้ยิน ยืนยันตั้งแต่ต้นแล้วว่าไม่เสนอ ดังนั้น ในประเด็นนี้ ไม่น่าจะมีอะไรและล่าสุด ก็ไม่ได้มีการคุยกันว่าจะเสนอรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง


ส่วนทิศทางการโหวต นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2

นายธนกร กล่าวว่า ยืนยันตั้งแต่ต้นแล้วว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ควรเสนอครั้งเดียว เพราะข้อเท็จจริง ทุกพรรคการเมือง รวมถึง ส.ว. ได้ทราบวิสัยทัศน์ของนายพิธาอยู่แล้ว ลงคะแนนครั้งแรกไม่ผ่าน และคะแนนห่างกันเยอะมาก


ดังนั้น ควรเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้อันดับ 2 และอันดับ 3 ในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ไม่เช่นนั้น จะเป็นการเสนอชื่อไปเรื่อยๆ ทำให้เสียเวลาสภา ส่วนที่ ส.ว.มองว่า โหวตนายพิธาเป็นญัตติซ้ำ เป็นเรื่องข้อกฎหมาย จะต้องไปดูในเรื่องนี้


ส่วนถ้าจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีพรรคอันดับ 2 ควรจะยกเลิกเอ็มโอยู หรือร่วมกับพรรคก้าวไกล ในการจับมือจัดตั้งรัฐบาลต่อ

นายธนากร กล่าวว่า ไม่อยากไปก้าวล่วง แต่วันนี้ เรารู้อยู่แล้ว ไม่ว่าพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาล หรือที่จะเป็นฝ่ายค้าน รู้ข้อมูลอยู่แล้วว่า หากยังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ส.ว.ก็จะไม่โหวตให้อยู่แล้ว


ส่วนเรื่องจะมาอ้าง 14 ล้านเสียง ควรจะเลิกอ้างได้แล้ว วันนี้คนไทยกว่า 70 ล้านคน เชื่อว่า ใน 14 ล้านเสียง ที่เลือกพรคก้าวไกล มีเป็นล้านเสียงที่ไม่อยากให้แก้มาตรา 112 พรรคก้าวไกลก็รู้อยู่แล้วว่า เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ เพราะอะไร เมื่อไม่ถอย ฝั่งอื่นก็คงไม่ถอยเช่นกัน


เมื่อถามว่า ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ได้หรือไม่

นายธนกร กล่าวว่า จะต้องพูดคุยกันในพรรค ตนเองมองว่า วันนี้สถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนเงื่อนไข หลายพรรคพูดจากันได้มากขึ้น ขณะที่ พรรคร่วมรัฐบาลเก่าก็มีการพูดคุยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะก่อนและหลังประชุม ครม. มีการพูดคุยติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด


ส่วนช่วงเวลาใด ที่จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมควรจะเสนอนายกรัฐมนตรีแข่งนั้น

นายธนกร มองว่า ถ้าพรรคอันดับ1 หรือ อันดับ 2 ไม่ได้ ต้องเป็นพรรคอันดับ 3 ถือเป็นความชอบธรรมของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งส่วนตัวมองว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้


ถามย้ำว่า ถ้าวันที่ 19 ก.ค 66 นี้ โหวตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ รอบที่ 3 ถึงเวลาที่จะชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ใช่หรือไม่

นายธนากร กล่าวว่า ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป เพราะรู้อยู่แล้ว เราอย่าหลอกตัวเองดีกว่า วันนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วว่า การเมืองจะเดินไปในทิศทางใด การเดินเกมในลัษณะ 2 ขา ฝั่งหนึ่งไปขอเสียงของ ส.ว.


อีกฝั่งหนึ่ง มีมวลชนไปบูลลี่ ล่าแม่มด หรือปลุกม็อบลงถนน คิดว่าไม่ควร เราน่าจะเข้าใจระบบการเมือง ถ้าไม่ได้ก็เป็นฝ่ายค้าน ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้านดี ในการตรวจสอบรัฐบาล คิดว่าถ้าเป็นฝ่ายค้านรอบหน้า พรรคพรคก้าวไกลอาจจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม


ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ก็ควรปล่อยให้การเมืองเดินหน้าต่อไป อย่าไปปลุกกระแสมวลชนลงถนน วันนี้ บ้านเมืองมีความสงบ หลายอย่างกำลังดีขึ้น ในสิ่งที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้วางหลักฐานไว้ ควรปล่อยพูดจากัน รักษาประเทศไว้ดีกว่า


เมื่อถามว่า การล่าแม่มด จะทำให้ ส.ว.หวาดกลัว และจะมาโหวตให้หรือไม่

นายธนากร มองว่า การกระทำแบบนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ได้กลัว อีกทั้ง กฎหมายแรงที่ผ่านมา พรบ.คอมพิวเตอร์ ทำให้ติดคุกหลายคนแล้ว วันนี้มีการไปฟ้องร้อง และขอโทษทีหลังจำนวนมาก คิดว่าไม่ควรทำแล้ว เพราะเวลาถูกดำเนินคดีไม่มีใครช่วย 


ฝ่ายตนก็ไม่อยากให้มีมวลชนไปเคลื่อนไหวในโซเชียล เป็นคนไทยด้วยกัน ควรพูดจากัน การเมืองก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของการเมือง แต่ประเทศ นายกรัฐมนตรี ไม่อยากให้ใช้เวลานาน ภาคเอกชนก็อยากให้มีรัฐบาลโดยเร็ว


เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ถูกพรรคร่วมรัฐบาลเดิมพยายามไปแจกกล้วย

นายธนากร กล่าวว่า ไม่มีๆ ลูกไม้เดิมๆ มันไม่มีหรอก และคิดว่าไม่มีใครทำแบบนี้อีกแล้ว เพราะการจะดึงเสียง ส.ส. 60-70 เสียง ไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องแบบนี้ไม่มี และไม่ควรมี เชื่อว่า ไม่มีเ ป็นการพูดเพื่อดิสเครดิตมากกว่า ตรงนี้ (นายภูมิธรรม) ไม่ควรพูดออกมา


เมื่อถามว่า ถ้าการคุยกัน 8 พรรคร่วมรัฐบาล บทสรุปคือ จะมีการเปลี่ยนตัวผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี พรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีจุดยืนอย่างไร

นายธนกร กล่าวว่า เป็นไปตามกลไกของสภา สามารถเสนอได้ แต่ถ้ายังมีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาลอยู่ เป็นเงื่อนไขพิเศษที่ผ่านยาก เพราะต้องการแก้มาตรา 112


นายธนกร ย้ำคำเดิมว่า ต้องปรับ ตนมองว่านายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เหมือนที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พูดว่า นายพิธามีความรู้ความสามารถ พูดจาดี แต่ไม่ทราบว่า กลไกของพรรคปกคลุมด้วยอะไร เท่านั้นเอง


เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่ทุกพรรคจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว

นายธนกร กล่าวว่าเป็นไปได้หมด เพราะรู้อยู่แล้วว่าเงื่อนไขอยู่ตรงไหน คิดว่าเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็จะจบ วันนี้ต้องใช้เวลา แต่ไม่ควรใช้นานเกินไป เพราะประชาชนรอนายกรัฐมนตรีคนใหม่อยู่ และเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ แต่ถ้านักการเมืองพยายามชี้แจงให้เข้าใจก็จะเข้าใจ เพราะวันนี้ โลกเปลี่ยนไปเยอะ ทุกคนรู้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองไปในทิศทางใด แต่ระบบกลไกที่ใช้โซเชียลมีเดีย หรือ AI ที่ไปสร้างความเกลียดชังในสังคมเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ


ในเมื่อพรรคอันดับ1-2 ไม่ได้ ก็ควรเป็นพรรคอันดับ 3 เท่านั้นเอง ไม่ใช่ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วจะเป็นจะตาย พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ตนก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่เห็นเป็นอะไร วันนี้เป็นรัฐบาลรักษาการ พรุ่งนี้ไม่ได้เป็น ก็เป็นเรื่องปกติ ชีวิตสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศได้ อย่าไปยึดติดกับมันมาก


อย่างไรก็ตาม นายธนากร ยังบอกด้วยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็สามารถที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็สามารถเป็นได้ แต่บอกแล้วว่าจะไม่ลงชิงตำแหน่ง

----------------

คุณอาจสนใจ

Related News