สังคม

สลดใจ รถเมล์ชนนศ.ขี่จยย.ดับ 2 ราย พ่อแม่ผู้เสียชีวิตร่ำไห้รับร่างลูกสาว

โดย kanyapak_w

15 ก.ค. 2566

20.9K views

(15 ก.ค.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 6 โมงเช้าเศษ เกิดอุบัติเหตุรถเมล์สาย 1013 หัวตะเข้ - พระโขนง ชนกับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอทะเบียนสระบุรี บนถนนฉลองกรุง แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง บริเวณด้านหน้าสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พบผู้บาดเจ็บ 2 ราย เป็นผู้หญิงทั้งคู่ ติดอยู่ภายใต้รถเมล์คันดังกล่าว สภาพคือร่างผู้หญิงทับซ้อนกันลักษณะคว่ำหน้าทั้งคู่ ถูกคานล้อขวาด้านหน้าของรถเมล์ที่ทับร่างทั้งสองอีกทอดหนึ่ง โดยทับที่แผ่นหลังตรงกับบริเวณหน้าอก



เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังพร้อมอุปกรณ์เพื่อช่วยในการลำเลียงร่างผู้บาดเจ็บออกมาจากใต้รถเมล์ ซึ่งเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากร่างของผู้ประสบภัยทั้ง 2 รายติดอยู่ใต้คานรถเมล์ จึงยากที่จะนำออกมา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าไปตรวจเช็กวัดชีพจรเบื้องต้น พบว่าผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย เสียชีวิตคาที่ โดยใช้เวลาเกือบชั่วโมงเศษจึงสามารถใช้แม่แรงยกคานรถและนำร่างออกมาได้



จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองมีบาดแผลถลอกบริเวณใบหน้า อีกทั้งปรากฏลักษณะ สีหน้าม่วงช้ำซีดคล้ายคนขาดอากาศหายใจที่ใบหน้าของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ส่วนร่างของผู้หญิงรายแรกที่ถูกทับติดกับถนนพบว่าบริเวณช่วงต้นขามีรอยฉีกขาดและมีรอย บาดแผลคล้ายถูกรถเมล์ทับ



ต่อมาทราบข้อมูลภายหลังว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสองเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 โดยรายแรกที่ถูกทับติดกับถนน ชื่อ น.ส.ฉัตรติยากรณ์ อายุ 20 ปี และรายที่สองซึ่งถูกทับด้านบนติดกับคานรถเมล์ ชื่อ น.ส.อารียา อายุ 21 ปี



ทีมข่าวช่อง 3 ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุพบว่าสภาพถนนดังกล่าวนั้นเป็นช่วงเนินลงจากทางข้ามรถไฟพอดี ยังพบข้าวของเครื่องใช้ของผู้เสียชีวิต อาทิ ตะกร้าสีชมพูและรองเท้าอยู่ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ โดยจากการที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงประมาณ 6 โมงเช้าที่ผ่านมา โดยรถจักรยานยนต์ ดังกล่าวนั้น ขับมุ่งหน้ามาทางหัวตะเข้ ตรงเข้าไปยัง สจล. ปรากฏว่าขณะช่วงที่ลงจากทางเดินข้ามรถไฟ คาดว่ารถจักรยานยนต์จะเลี้ยวขวาเพื่อเข้าไปยังคณะวิทยาศาสตร์ สจล. เกิดเสียหลักล้มกลางถนนจนผู้บาดเจ็บทั้งสองรายนอนอยู่กลางถนนในลักษณะทับกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดจากการไม่ชำนาญของผู้ขับขี่และเป็นช่วงทางลงพอดี



หลังจากนั้น รถเมล์สาย 1013 ซึ่งขับตามหลังมาคาดว่าคนขับไม่น่าจะเห็นว่ามีผู้บาดเจ็บนอนอยู่ ก็ขับทับร่างของทั้งสองโดยล้อขวาหน้าบริเวณช่วงขา ซึ่งชาวบ้านในตรงนั้นก็ช่วยกันห้ามให้รถหยุด เมื่อรถเมล์หยุดชาวบ้านก็รีบกรูกันเข้าไปขอให้ความช่วยเหลือและแจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย โดยตอนนั้นพบว่า ผู้ซึ่งถูกทับด้านล่างติดกับถนนเสียชีวิตแน่นิ่งแล้ว ส่วนผู้ที่ทับอยู่ด้านบน ตอนแรกยังร้องตะโกนขอความช่วยเหลือก่อนจะแน่นิ่งเสียชีวิต คาดว่าน่าจะถูกช่วงคานรถกดทับร่างทั้งสองจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิตทั้งคู่



ด้านนายมานิตย์ อาสาสมัครร่วมกตัญญู ระบุว่า รับแจ้งเหตุประมาณ 6:40 น.เมื่อมาถึงก็พบร่างของทั้งสองทับซ้อนกันใต้รถเมล์ซึ่งถูกคานล้อกดทับร่างสองคนอีกที จากการเข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นนพบว่าทั้งสองเสียชีวิตแล้ว โดยการนำร่างออกมาเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะรถเมล์กดทับร่าง ต้องใช้อุปกรณ์คีมตัดถ่างเป็นแม่แรงยกคานขึ้นแล้วนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา



จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบใบหน้ามีบาดแผลและมีสีม่วงช้ำ คาดว่าเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ เนื่องจากคานรถเมล์กดทับช่วงแผ่นหลังจนทับหลอดลม ไม่สามารถหายใจได้ โดยจะนำร่างทั้งสองไปที่ สน.จระเข้น้อย เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือและรอญาติมาพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ก่อนจะส่งชันสูตรพลิกศพที่นิติเวช รพ.ตำรวจโดยละเอียดต่อไป ส่วนตัวคนขับรถเมล์ไม่ได้หลบหนีแต่อย่างใดและนำตัวไปสอบปากคำที่ สน.จระเข้น้อย โดยสาเหตุของอุบัติเหตุต้องรอการสอบจากละเอียดของทางตำรวจอีกครั้ง



ต่อมาทีมข่าวช่อง 3 ได้เดินทางมายัง สน.จระเข้น้อย พบว่ารถเมล์สาย 1013 และรถจักรยานยนต์ได้ถูกนำมาไว้ที่สถานีตำรวจแล้ว ส่วนร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ยังอยู่ที่สถานีตำรวจเพื่อรอทำประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ และรอยญาติของผู้เสียชีวิต ยืนยันอัตลักษณ์บุคคล ได้พนักงานสอบสวน เปิดเผยกับทีมข่าวเบื้องต้นว่า ตัวคนขับรถเมล์ไม่พบว่ามีอาการมึนเมาหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบปากคำโดยละเอียด ส่วนการดำเนินคดีต้องรอภาพวงจรปิดและรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดก่อน เบื้องต้นยังไม่แจ้งข้อหาใด ๆ กับตัวคนขับรถเมล์



จากนั้นประมาณ 9:30 บิดา มารดา และญาติของ น.ส.อารียา เดินทางจาก จ.สมุทรปราการ เพื่อมายืนยันอัตลักษณ์บุคคลและขอดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย โดยทันทีที่คนในครอบครัวเห็นหน้าลูก ต่างก็ร้องไห้และโอบกอดร่างน้องเป็นครั้งสุดท้าย บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยบิดาของผู้เสียชีวิตเปิดเผยสั้น ๆ ด้วยความเสียใจว่า ลูกตั้งใจจะต่อปริญญาโทหลังเรียนจบ อนาคตกำลังไกล เมื่อคืนยังเพิ่งบอกรักและกอดกัน ไม่นึกว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอหน้าลูก จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็พาครอบครัว น.ส.อารียาไปพักที่สถานีตำรวจ ส่วนครอบครัวของ น.ส.ฉัตรติยากรณ์ มีรายงานข่าวว่ากำลังเดินทางจาก จ.สระบุรี เข้ามากรุงเทพมหานคร เพื่อดูหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย ต่อมาทางอาสาสมัครร่วมกตัญญูก็นำร่างของผู้เสียชีวิตทั้งสองส่งชันสูตรที่นิติเวช รพ.ตำรวจ ต่อไป



ทั้งนี้ ทีมข่าวช่อง 3 ตั้งข้อสังเกตเห็นว่า ที่บริเวณไฟท้ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต พบว่ามีรอยแตกและคราบสนิมติดอยู่ ส่วนบริเวณกันชนหน้ารถเมล์ซึ่งเปื้อนสนิม พบรอยครูดเป็นแนวยาวจากด้านซ้ายไปทางด้านขวา ซึ่งต้องรอการตรวจสอบพยานหลักฐานและผลการสอบสวนโดยละเอียดจากทางตำรวจอีกครั้ง จึงจะทราบแน่ชัดว่าสาเหตุเกิดจากอะไร




คุณอาจสนใจ

Related News