สังคม

ญาติเด็กวัย 14 ปี ร้องทนายดังหลังถูกตร.ใช้ปืนยิงอาการสาหัส

โดย onjira_n

12 ก.ค. 2566

112 views

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 12 ก.ค. 66 ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ดจ.นนทบุรี นางมนัด  อายุ 56 ปี (ยาย) น.ส.เอื้อมพร สมสี อายุ 40 ปี (ป้า) ของน้องโค้ก อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พร้อมด้วยน้องเอ็กซ์ อายุ 15 ปี (เพื่อนรุ่นพี่) นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ให้ช่วยเหลือหลังน้องโค้ก ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านกลาง จ.เพชรบูรณ์ 4 นาย ใช้รถกระบะขับกวดไล่จับน้องโค้กพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน และเวลาต่อมาน้องโค้กถูกยิงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 ใน 4 นาย จนได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องส่งไปรักษาตัวต่อที่รพ.หล่มสัก แต่อาการสาหัสแพทย์ต้องส่งตัวต่อไปรักษาที่รพ.เพชรบูรณ์



ล่าสุดอาการน้องโค้กยังคงต้องนอนพักรักษาอยู่ในห้องไอซียูเป็นตายเท่ากัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 66 เวลา 16.00 น. แต่หลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บ้านกลาง กับไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 4 นาย มีเพียงแค่การลงบันทึกประจำวันไว้แค่ว่าน้องโค้กผู้บาดเจ็บพร้อมเพื่อนรวม 4 คน มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นในงานบวชที่วัดแห่งหนึ่ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไประงับเหตุก่อนจะเกิดอุบัติเหตุปืนลั่นใส่หัวน้องโค้ก จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะขับรถไล่จับกุมแต่ถนนไม่ดีขรุขระเป็นหลุมทำให้ปืนลั่น



น้องเอ็กซ์ (เพื่อนรุ่นพี่น้องโค้ก) กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนพร้อมน้องโค้กและเพื่อนรวม 4 คน เดินทางไปรวมงานบวชรุ่นพี่ที่วัดโนนสมบูรณ์ ในจ.เพชรบูรณ์ พอขบวนแห่นาคผ่านมาก็สังเกตุเห็นมีกลุ่มวัยรุ่น 4 คน ยืนมองมาที่พวกตนแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรกระทั่งใกล้ถึงวัดกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้มาดักรอพวกตนอยู่ทางเข้า ตนเห็นท่าไม่ดีจึงได้บอกกับน้องโค้กและเพื่อนให้กลับบ้านไปก่อน จากนั้นน้องโค้กกับเพื่อนอีก 2 คน จึงได้นั่งซ้อนท้ายรถจยย.ซ้อน 3 โดยน้องโค้กนั่งหลังสุดเพื่อกลับบ้านเหลือตนอยู่ที่งานเพียงคนเดียว ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายขับรถกระบะเข้ามาหาก่อนจะขอตรวจค้นอาวุธตนแต่ไม่พบ ก่อนควบคุมตัวตนขึ้นรถไปกระทั่งรถขับมาถึงบริเวณถนนเลียบคลองประปา ม.6 ต.บ้านกลาง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ก็พบเห็นว่าน้องโค้กกับเพื่อนขี่รถจยย.อยู่ข้างหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งเครื่องรถตามไปจนเกือบจะทัน เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งชักอาวุธปืนออกมาจากเอวก่อนจะปืนเปิดประตูรถและหันอาวุธปืนไปที่กลุ่มน้องโค้ก หลังจากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา 1 นัด เห็นน้องโค้กร่วงตกลงมาจากรถก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะขับรถกระบะปาดหน้ารถจยย.จนเสียหลักล้ม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงไปดูและควบคุมตัวเพื่อนอีก 2 คนขึ้นรถกระบะมา โดยที่น้องโค้กยังนอนนิ่งอยู่ที่พื้นมีตำรวจ 2 นายเฝ้าไว้ ส่วนอีก 2 นายขับรถกระบะพาพวกตนไปที่สภ.เพื่อสอบปากคำก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้านไป


 ด้านนางมนัด  อายุ 56 ปี (ยายน้องโค้ก) เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนทราบเรื่องจากเพื่อนหลานว่าหลานชายรถล้มหัวฟาดพื้นถูกส่งไปรพ.หล่มสัก ตนพร้อมกับญาติจึงได้เดินทางไปที่รพ.แต่เมื่อไปถึงแพทย์ที่ทำการรักษาน้องโค้กบอกว่าน้องโค้กได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน ไม่ได้บาดเจ็บจากรถล้มตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอก จึงเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าทีตำรวจสภ.บ้านกลาง แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับบอกกับตนว่าไม่ต้องแจ้งตำรวจแจ้งไว้แล้ว หลังจากนั้นมีนายตำรวจผู้บังคับบัญชาตำรวจทั้ง 4 นายเข้ามาพูดคุยบอกว่าจะให้ความเป็นธรรม แต่ผ่านไปหลายวันคดีกับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดจึงเดินทางมาร้องเรียนกับทางทนายรณณรงค์ให้ช่วยเหลือในเรื่องคดีความของหลานชายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากคนก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เกรงจะมีการช่วยเหลือกันทำให้ตำรวจที่ก่อเหตุไม่รับโทษ ซึ่งตนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจไม่น่านจะทำรุนแรงขนาดใช้อาวุธปืนยิงใส่ศีรษะหลานชายขนาดนี้ ทำไมไม่จับกุมแบบปรกติหลานชายก็ไม่มีอาวุธอะไร



น.ส.เอื้อมพร  กล่าวว่า อาการตอนนี้ ณ วันนี้ คุณหมอได้ส่งน้องเข้าห้องผ่าตัดยังไม่รู้ว่าอาการจะเป็นยังไง เมื่อวานน้องชายบอกกับตนว่า คุณหมอจะส่งเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้ง เพราะมีเลือดคลั่งในสมอง น้องชายมีอาการชักและเป็นไข้ เมื่อวานตนไม่ได้เข้าเยี่ยมแต่วันก่อนน้องมีไข้ ความดันสูง และหัวใจเต้นเร็ว ต้องทานอาหารเหลว ไม่ย่อย ตอนเช้าของวันก่อนหมอได้มีการให้ยากันชัก และก่อนจะหมดเวลาเยี่ยมคุณหมอก็ให้ยานอนหลับน้องชายของตนอีกครั้ง เพราะมีอาการเกร็ง คุณหมอแจ้งว่าน้องโดนยิงทะลุเส้นเลือดใหญ่ กะโหลกแตก ตนยืนยันว่าน้องชายไม่ได้ล้มเพราะอุบัติเหตุ แต่ไม่ทราบสาเหตุ ตอนนี้ตนมีความกังวลใจ เพราะเป็นตำรวจในพื้นที่ จึงไม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ตั้งแต่วันเกิดเหตุตนไม่เคยเจอผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คนเลย ตอนนี้ยังไม่มีตำรวจติดต่อมาให้ตนเข้าไปสอบปากคำเลย



ทนายรณณรงค์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวในขณะที่เจ้าหน้าที่ยิงนั้นอยู่ในขณะปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เพราะมีการใช้อำนาจตาม ป.มิอาญา จับกุม ควบคุม มีการใช้อำนาจตามกฎหมาย ในการจับคุม รูปแบบประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ได้บอกว่าต้องจับแบบไหน แต่กฎหมายจะเขียนว่าให้ดูพฤติการคดี ข้อหา และผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือมีอาวุธหรือไม่ ทั้งนี้ต้องดูจากข้อหา แต่ในกรณีนี้คือกลุ่มวัยรุ่นตีกัน ไม่ได้มีการใช้อาวุธยิงสวนมา เจ้าหน้าที่ไม่ควรใช้อาวุธยิงไป ประเด็นสำคัญคือ วิธีพิจารณาคดีเด็กและเยาวชน เห็นกระทำความผิดแบบนี้จะต้องส่งจดหมายไปเชิญผู้ปกครองมาที่โรงพัก ไม่ใช่ไปจับคุม เว้นแต่ทำผิดแบบซึ่งหน้า หากจับมาก็ต้องปล่อยเพราะเป็นเด็กและเยาวชน กฎหมายไม่ได้บอกว่าหากเห็นเยาวชนขี่รถ หรือมีการตีกันเจ้าหน้าที่ต้องขับรถเบียดหรือเอาปืนไล่ยิง แต่สามารถใช้วิธีการบันทึกภาพไว้ได้และไปขยายผลทีหลัง กรณีนี้ไม่ได้ทำขั้นตอนตามกฎหมายจึงเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เรื่องนี้ควรให้ภาคหรือกองปราบปรามเข้ามาทำ เพราะคู่กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ควรให้ร้อยเวรหรือโรงพักใดมาทำฝ่ายเดียว จังหวะต้องเข้ามาดูแลด้วย เพื่อให้เรื่องวิ่งเต้นยากขึ้น

คุณอาจสนใจ