สังคม

เปิดใจอดีตแม่บ้านทูต ทำงานต่างประเทศจนตาบอด ไม่ได้รับความเป็นธรรม เดินข้ามถนนหวังปลิดชีพ

โดย paranee_s

30 มิ.ย. 2566

1.4K views

วันนี้ (30 มิ.ย.) นางสาวรัตน์ตพร อายุ 45 ปี อดีตแม่บ้านประจำสถานทูตไทยในต่างประเทศ ร้องผ่านทีมข่าว ว่าชีวิตของเธอไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังไปทำงานที่สถานทูตฝรั่งเศส เมื่อปี 2553 ซึ่งก่อนที่เธอจะเดินทางไป เธอเคยทำงานที่สถานทูตไทยในกัมพูชา ตอนนั้นร่างกายเธอปกติดีทุกอย่าง แต่มีเพียงสายตาสั้นและเอียงเพียงเล็กน้อย


และเมื่อเจ้านายย้ายไปทำงานที่ประเทศฝรั่งเศส เธอก็ตามไป แต่ทำไปได้ไม่นาน เธอรู้สึกว่าปรับตัวกับอากาศที่หนาวเย็นจัดไม่ได้ ประกอบกับสถานที่ที่เธอพักอาศัยเครื่องทำความร้อนก็เสียบ่อย จึงไปขอลาออก ไปขอถึง 2 ครั้งแต่เจ้านายไม่อนุญาต เธอก็ทนทำงานต่อไป จนสุขภาพเธอแย่ลง มีอาการป่วยไข้ เพราะอากาศที่หนาวจัด รวมถึงร่างกายโดยเฉพาะ มือของเธอเริ่มเกิดแผลหนองอีกเสบ เพราะน้ำที่เย็นจัดในการล้างถ้วยชาม รวมถึงสภาพอากาศ


แต่ช่วงนั้นเธอก็ยังมองเห็น จนมาวันหนึ่ง เธอเริ่มสังเกตการณ์มองเห็นว่าภาพที่เห็นนั้นแปลก ๆ ไป จากมองชัดก็ค่อย ๆ หรี่ลง จนดวงตาด้านซ้ายบอดมองไม่เห็น เธอก็ไปบอกนายจ้าง ก็พาไปรักษา แต่ด้วยภาษาที่ไม่เข้าใจกัน เธอจึงขอกลับมารักษาที่ไทย และแพทย์ที่ไทยก็ลงความเห็นว่า เซลล์ประสาทตาสูญเสีย ไม่สามารถรักษาได้ ก็ทำให้เธอตกใจ ว่าอากาศที่หนาวจัดทำให้เธอถึงกับตาบอด และเธอก็ได้รับข่าวร้ายว่า เจ้านายได้ให้เธอกลับไทยและไม่ต้องไปทำงานที่ฝรั่งเศสอีก


นางสาวรัตน์ตพร บอกว่า เธอต้องทนทุกข์มานานในการรักษาสุขภาพและดวงตา ซึ่งการไปหาหมอที่ฝรั่งเศสและรักษาที่ไทยนั้นเธอออกค่ารักษาพยาบาลเองทั้งหมด เจ้านายไม่เคยซัปพอร์ตดูแลอะไรเลย และการที่เธอสูญเสียดวงตาก็เพราะการทำงานที่ต่างประเทศ


เธอจึงไปเรียกร้องเงินชดเชยค่าดูแลต่าง ๆ ที่กระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศ แต่ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า การที่เธอติดตามไปดูแลและทำงานที่สถานทูตนั้นไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีประกันสังคม เพราะเงินเดือนที่รับมานั้นเป็นเงินสด ไม่มีหลักฐานอะไร และที่เธอไปต่างประเทศไปในฐานะผู้ติดตามอีกด้วย ซึ่งหากอยากได้เงินเยียวยาก็ไปดำเนินการฟ้องร้องเอาเอง


เธอได้ยินมาก็ตกใจและคิดหนักว่าจะทำอย่างไรเพราะตอนนั้นเธอสูญเสียการมองเห็นทั้ง 2 ข้างแล้ว 100% ซึ่งนางสาวรัตน์ตพร ก็ไม่ท้อ เดินหน้าขอความเป็นธรรม ร้องเรียนที่ต่าง ๆ หลาย 10 แห่ง ทั้งที่ตาบอด แต่ก็ไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้เลย จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา เธอได้รับข่าวว่า เรื่องที่ยื่นไปนั้นศาลปกครองแล้วศาลไม่รับพิจารณาคดี ประกอบกับขณะนั้นแม่ของเธอก็เข้า รพ.พอดี ทำให้เธอทนไม่ไหวกับสิ่งที่เจอ เพราะเหนื่อยทุกอย่างแล้ว จึงตัดสินใจเดินเพื่อไปให้รถชนเสียชีวิต แต่ก็มีพลเมืองดีมาช่วยไว้ทัน


และเมื่อเธอสูญเสียการมองเห็นและกลับมาอยู่ที่ประเทศไทย ก็มาพักอาศัยกับพี่สาวแท้ ๆ ที่ย่านรัชดา ซึ่งพี่สาวก็บอกว่า แม้ว่าตัวเธอจะลำบาก เพราะตัวเธอก็มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แต่ก็สงสารน้องสาวที่ต้องมาตาบอด และในอดีตน้องก็เป็นเสาหลักของบ้าน แต่พอเกิดเรื่องเธอก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือน้องยังไง ก็เลยให้มาพักอาศัยอยู่ด้วยกัน และแม้ว่าตอนนี้น้องจะสามารถนวดได้แต่รายได้ก็ไม่ได้เพียงใช้จ่าย เธอยอมรับว่าตอนนี้ก็ลำบากแต่ก็ต้องอดทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะน้องสาวเธอนั้นลำบากกว่าเธอมากทั้งทางกายและทางใจ


นอกจากนี้นางสาวรัตน์ตพร ยังบอกอีกว่า อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมด ออกมาแก้ไขกฎหมายและเยียวยาเธอ เพราะหากไม่เกิดกรณีของเธอขึ้น ก็คงไม่มีใครรู้ว่าไม่มีกฎหมายมารองรับการทำงานแบบเธอ ที่หลายคนมองว่าไปทำงานต่างประเทศจะได้เงินเยอะมีชีวิตที่ดีแต่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยแถมต้องมาสูญเสียดวงตา สูญเสียโอกาสในชีวิตหลายอย่างจากการทำงานที่เธอไม่ได้รับความเป็นธรรม และเธอยังต้องทนคำพูดของคนในสังคมที่ดูถูกคนตาบอด และไม่รับทำงานอีกด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ