สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 30 มิ.ย.66 พท.ยอมยกประธานสภาให้ก้าวไกล-ทางเลื่อนสนามบินดูดขาขาด-ส.ส.ก้าวไกลทำร้ายผู้หญิง

โดย natthanon_r

30 มิ.ย. 2566

67 views

-สนามบินดอนเมือง ดึง วสท. ร่วมสอบข้อเท็จจริง ทางเลื่อนดูดขาผู้โดยสารขาด สั่งหยุดใช้ทางเลื่อนทั้ง 20 ตัว จนกว่าจะรู้สาเหตุที่แท้จริง เผยติดตั้งมาตั้งแต่ปี 39 ใช้มาแล้ว 27 ปี ยันตรวจเช็กทุกวัน ไม่พบผิดปกติ ทดม. ขอแสดงความเสียใจ พร้อมช่วยเหลือเยียวยาเต็มที่ ขณะที่ ผอ.ทอท. สั่ง 6 สนามบินทั่วไทย เช็กทางเลื่อน-บันไดเลื่อนทุกตัว ลั่นหากพบเหตุเกิดจากประมาท-บกพร่อง ให้ลงโทษขั้นเด็ดขาด ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บ ผ่าตัดผ่านไปด้วยดี ขณะที่สภาจิตใจยังย่ำแย่ ด้านทีมแพทย์ต้องเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน

-ตร.บ่อวิน เรียก ส.ส.ทวีวัฒนา “ก้าวไกล” ไกล่เกลี่ยฝ่ายหญิงวันนี้ หลังมีปากเสียงทำร้ายร่างกาย “ฝ่ายชาย” ยอมรับผิด เหตุเกิดช่วงสัมมนา ยันไม่นิ่งนอนใจ ทำไปเพราะเป็นห่วง ก่อนโพสต์เฟสบุ๊คซ้ำ ขออภัยที่ออกมาแจงข้อเท็จจริงล่าช้า เพราะประสบอุบัติเหตุ ก่อนขอโทษประชาชนที่ทำให้ผิดหวัง พร้อมรับการสอบสวนทางดีค-ทางวินัยของพรรค ด้านก้าวไกล รอถกประเด็นหลังคู่กรณีไกล่เกลี่ย

-นายอำเภอเมืองปทุมธานี รุด ยกมือไหว้ขอโทษลูกสาว ภรรยาผู้เสียชีวิต หลังเจ้าหน้าที่ให้แบกพ่อมาทำบัตร ปชช. ก่อนสิ้นใจ เผย เตรียมสอบสวนขอเท็จจริง พร้อมจะนำไปปรับปรุงแก้ไข ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานบกพร่องเรื่องนี้ก็ต้องมีมาตรการลงโทษ ด้านลูกสาว ชี้ ไม่ติดใจเอาเรื่องเพราะ เอาชีวิตพ่อกลับมาไม่ได้ หวังให้เคนี้เป็นกรณีสุดท้าย

-สุดรันทด! 2 เด็กหญิงถูกทิ้งอยู่กับตายาย ต้องกินข้าววัดประทัง 4 ชีวิต แถมมีชุดนักเรียนเพียงชุดเดียว ต้องซักเอาพัดลมเป่าทุกวัน ยายวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ ชีวิตไม่หวังอะไร ขอให้หลานได้เรียนหนังสือ ล่าสุดหลายหน่วยงานแห่ช่วยแล้ว ขณะที่ยายหลานถึงกับร่ำไห้ซาบซึ้ง จนท.เตรียมเข้าซ่อมบ้าน ให้ความช่วยเหลือเรื่องการศึกษา

-ฟร้อง อดีตแฟน เอ้ ชุติมา ขอความเป็นธรรม ถูกกลั่นแกล้ง ชี้หลังเลิกรา ฝ่ายหญิงขอรถยนต์หรูและบ้าน ซึ่งเป็นชื่อฝ่ายชายไว้ และรับปากว่าจะทำเรื่องเปลี่ยนชื่อสัญญาให้เร็วที่สุด แต่กลับ ไม่ยอมผ่อนรถ-บ้านจนถูกยึด ลั่น "อยากให้พี่เอ้อายบ้าง ที่แกล้งเด็ก" ทั้งที่เลิกรากันมาได้หลายเดือนแล้ว ขณะที่ทาง เอ้ ชุติมา ออกมาซัดกลับ เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวแจงปมร้อน


เรื่องเล่าการเมือง

-ปัญหาระหว่างพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยเรื่องตำแหน่งประธานสภาได้ข้อยุติแล้ว เพื่อไทยยอมถอย ให้ตำแหน่งประธานสภาฯ กับก้าวไกล บนเงื่อนไขไม่แยกตัวทิ้งกัน หากพิธาฝ่าด่าน ส.ว.ไม่ได้ เพื่อไทยจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลเอง

ภายหลังอึมครึมมา 2 วัน เมื่อวานนี้แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย ระบุว่า เรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกลได้ข้อยุติแล้ว โดยพรรคก้าวไกล จะได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ส่วนพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งรองประธานสภาฯ 2 ตำแหน่ง บนเงื่อนไขว่าทั้ง 8 พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมจะชูนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้านายพิธาไม่สามารถฝ่าด่าน ส.ว. ได้ พรรคเพื่อไทย จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลจะอยู่ช่วยพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลไม่แยกตัวออกไปไหน

ซึ่งแนวทางนี้เมื่อ ส.ส. รับทราบก็มีบางส่วนยอมรับว่าขัดความรู้สึกบ้าง แต่เมื่อได้รับฟังการชี้แจงถึงเป้าหมายในการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคก้าวไกลจะยืนข้างพรรคเพื่อไทยไม่แยกตัวไปไหนกรณีที่เพื่อไทยเป็นแกนนำ ทำให้ส.ส. รับฟังเหตุผลดังกล่าว

และในประเด็นประธานสภาฯ ทางพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ยังได้มีความเห็นร่วมกันว่าจะไม่ให้สมาชิกของทั้งสองพรรคออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว เพราะเกรงจะกระทบต่อการหารือแกนนำ 8 พรรคร่วมวันที่ 2 กรกฎาคม นี้

ขณะที่ช่วงหัวค่ำเมื่อคืน นายพิธา ได้ควงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าไปเชียร์ทีมวอลเลย์สาวไทยที่แข่งกับทีมชาติตุรกี ที่อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก ได้ให้สัมภาษณ์สั้น ๆ ถึงเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ว่า ตอนนี้ทีมเจรจาของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทยยังเจรจากันอยู่

ขณะที่เมื่อวาน เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนมาก แจ้งไปยัง ส.ส. เพื่อนัดประชุม ในวันอังคารที่ 4 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. เพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาฯ แล้ว โดยในวันดังกล่าวจะมีการให้ ส.ส. ปฏิญาณตนในที่ประชุมก่อนเข้ารับหน้าที่ด้วย



-ขณะที่วันนี้ นายพิธา จะลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนที่ จ.พิษณุโลก พื้นที่ของหมออ๋อง ปดิพัทธ์ แคนดิเดตประธานสภาฯของพรรค และวันพรุ่งนี้ จะเดินสายไป จ.ขอนแก่น ต่อ

สำหรับรายละเอียดการลงพื้นที่ของนายพิธา จะเริ่มต้นเวลา 13.00 น. โดยนายพิธาจะไปไหว้พระ ภายในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ จากนั้นเวลา 14.30 น. จะเดินทางไปที่เซ็นทรัลพิษณุโลก และเวลา 16.00 น. จะขึ้นรถแห่ขอบคุณจากเซ็นทรัลฯ ผ่านถนนสิงหวัฒน์ , ถนนเอกาทศรถ , วงเวียนรถไฟ , ไปจบที่ลานแอโรบิค สวนชมน่าน เวลา 17.00 น. และจะมีการปราศรัยที่จุดนี้

สำหรับจังหวัดพิษณุโลก มี ส.ส.ทั้งหมด 5 คน พรรคก้าวไกลได้มา 2 คน หนึ่งในนั้น คือ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา แคนดิเดตประธานสภาฯของพรรค ซึ่งชนะการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 เป็นสมัยที่ 2

จากนั้นวันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ 1 ก.ค.) นายพิธา จะไปขึ้นรถแห่ขอบคุณประชาชนที่จังหวัดขอนแก่น โดยตอนแรกมีกระแสข่าวออกมาว่าอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร จะไปด้วย แต่สุดท้ายคนใกล้ชิดอุ๊งอิ๊ง ออกมาปฏิเสธแล้ว โดยยอมรับว่า นายพิธา เคยเชื้อเชิญนางสาวแพทองธาร ร่วมลงพื้นที่ด้วยกันจริง เมื่อครั้งเจอกันที่งานบางกอก ไพรด์ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ไปที่ขอนแก่นด้วยแน่นอน เพราะไม่ได้มีการเชิญอย่างเป็นทางการ



-ถึงแม้ว่าซีกฝ่ายค้านเดิมกำลังจัดตั้งรัฐบาลกันอยู่ แต่เมื่อวานก็มีข่าวมาจากฝั่งพรรคพลังประชารัฐ บอกมีความมั่นใจว่า "พล.อ.ประวิตร" จะได้เป็นนายกฯคนที่ 30

แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากการประเมินสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคนำโดยพรรคก้าวไกล เชื่อว่าจะมีอุปสรรคสำคัญเรื่องเสียง ส.ว.ที่จะโหวตสนับสนุน นายพิธา เป็นนายกฯ จึงมั่นใจสุดท้ายตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะเป็นของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

แหล่งข่าว ไม่บอกชัด ๆ ว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตในรอบแรกเลยหรือไม่ แต่บอกว่า การจะเป็นนายกฯได้จะต้องมีเสียงสมาชิกรัฐสภาสนับสนุน 376 เสียงขึ้นไป ส่วนการจะเป็นรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ จะต้องมีเสียง ส.ส.เกินครึ่ง คือ 251 เสียง

ทั้งนี้ถ้าเราดูจากเสียงที่มีการแบ่งขั้วปัจจุบัน ฝั่ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้มี 312 เสียง ถ้าฝั่งนี้จะเป็นนายกฯได้ ก็ต้องมีเสียงเพิ่มอีก 64 เสียง ขณะที่อีกฝั่งมี 188 เสียง หากได้เสียงมาเติมอีก 188 เสียง ก็สามารถเป็นนายกฯได้เช่นกัน

ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่าหากมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร เข้าชิงตำแหน่งนายกฯ ก็จะมีเสียงจาก ส.ว.มาสนับสนุน ให้มีเสียงเกิน 376 แน่นอน

แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ไม่กังวลเรื่องผู้ที่จะมาเป็นประธานสภา โดยบอกว่า ต่อให้ประธานสภาเป็นคนของพรรคก้าวไกล ก็ไม่กังวล เพราะการดำเนินการทุกอย่างในสภา เป็นไปตามข้อบังคับและมติที่ประชุมสภา

ส่วนจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือไม่ แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐแสดงความมั่นใจว่า รัฐบาล พล.อ.ประวิตร จะไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะถ้าเป็นแบบนั้นก็จะไม่สามารถบริหารราชการได้ แต่มั่นใจว่า หลังที่ประชุมรัฐสภาโหวตให้เป็นนายกฯ แล้ว พล.อ.ประวิตร จะสามารถรวบรวมเสียง ส.ส.มาเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้

ซึ่งสูตรรัฐบาล พล.อ.ประวิตร ที่มีความเป็นไปได้ก็คือ ดึงพรรคเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาลด้วย ซึ่งเชื่อว่าถึงที่สุดพรรคเพื่อไทยจะยอมมาร่วมด้วย โดยแหล่งข่าวบอกว่า "มีเหตุผลหลายอย่าง" ที่ทำให้มั่นใจ

และน่าจะเป็นสูตรรัฐบาล 6 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย/ภูมิใจไทย/พลังประชารัฐ/ประชาธิปัตย์/ชาติไทยพัฒนา และ ชาติพัฒนากล้า รวม 289 เสียง

ส่วนฝ่ายค้าน พรรคหลัก ก็จะเป็นพรรคก้าวไกล และพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้ทำรัฐประหาร ส่วน พล.อ.ประวิตร จะไม่ถือว่าเป็นคนทำรัฐประหารโดยตรง

แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่า สถานการณ์ภายหลังการเลือกนายกฯจะไม่มีเหตุการณ์บานปลาย แม้ว่าอาจจะมีการชุมนุมแสดงความไม่เห็นด้วยบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะเกิดความรุนแรง และเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร "เอาอยู่"



-ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังฟิตเดินหน้าทำงาน เมื่อวานนี้ไปลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เร่งติดตามความคืบหน้าการเปิดจุดผ่านแดนถาวร

เมื่อวานนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งบรรยากาศก็คึกคัก มีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ร่วมคณะไปด้วย ทั้ง คุณสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค รวมถึง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.จังหวัดพะเยา

หลักๆ ไปประชุมเตรียมพร้อมรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวร สะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอี่ยน-สตึงบท) ที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ โดย พล.อ.ประวิตร กำชับ ขอให้ทุกส่วนราชการ เร่งรัดทำงานและประสานกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด ในการเตรียมความพร้อมทุกด้าน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ไปตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ ที่ อ่างเก็บน้ำแซร์ออ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และ เดินพบปะกับข้าราชการ รวมถึง ประชาชนในพื้นที่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี บางคนอวยพรขอให้สุขภาพแข็งแรง ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ยกมือไหว้ขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับด้วย



-เมื่อวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดถึงการจัดรัฐบาลชุดใหม่ ว่า คาดหวังไม่ได้ว่าจะช้า หรือเร็ว เพราะเป็นกระบวนการทางการเมือง แต่ทุกอย่างเดินหน้าภายในกรอบกฎหมายที่มีอยู่แล้ว ซึ่งตนจะทำหน้าที่จนกว่าครม.ใหม่ปฏิญาณตน

พร้อมระบุว่า "ยินดีกับทุกพรรค และ ขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ ยึดมั่นใน 3 สถาบันหลัก ก็บอกว่า ตนไม่อยากให้เกิดปัญหา ไม่อยากให้ล่าช้าจนนานเกินไป แล้วมีผลเสีย เพราะเรากำลังมีโอกาส ก็อย่าไปทำให้เกิดวิกฤต จึงขอหารือกัน ให้ได้รัฐบาลที่ดี"

ส่วนเมื่อถามว่า มองอย่างไร หากพรรคซีกรัฐบาลเดิม รวมถึง พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเสนอชื่อชิงประธานสภาผู้แทนราษฎร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มอง ก็แล้วแต่พรรค และ ระบุว่า ให้เป็นเรื่องของการเมืองว่ากันไป

และเมื่อถามต่อว่า ถ้ามีการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีเสียงส.ว.สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีหรอกมั้ง มีที่ไหนเล่า ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/aD3_P5JKAkY

คุณอาจสนใจ

Related News