ทำไปได้! ที่แท้กุเรื่องจัดฉากกรอกน้ำยาล้างห้องน้ำลูก หวังรีดเงินอดีตสามีใช้หนี้

ตร.พบพิรุธ แม่กรอกน้ำยาล้างห้องน้ำลูก สุดท้ายรู้ว่ากุเรื่องหวังเอาเงินจากอดีตสามี ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบเด็กทั้ง 2 แล้ว อยู่ในภาวะตกใจ เตรียมขยายผลผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมาย


จากกรณีมารดา วัย 32 ปี ร่วมกับพวกกุเรื่องจัดฉากอัดคลิปกรอกน้ำยาล้างห้องน้ำลูก 2 คน ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 10 ปี และ ด.ช.บี (นามสมมุติ) อายุ 4 ปี พร้อมทั้งทำร้ายร่ายกายและบีบบังคับ จนเด็กร้องไห้ จากนั้นส่งคลิปให้กับลูกสาวคนโต เพื่อส่งให้กับอดีตสามี เรียกร้องเงิน กว่า 4.5 แสนบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ ด้วยความเป็นห่วงลูกทั้ง 2 ราย พ่อเด็กได้โพสต์ลงโชเชียล ขอความช่วยเหลือ พร้อมทั้งแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.โกตาบารู อ.รามัน จ.ยะลา


หลังทราบเรื่อง ทางนายอำเภอรามัน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวิศักดิ์ ทองสองสี ผกก.สภ.โกตาบารู ประสานนางสุภาพร วุฒิศาสตร์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยะลา ส่งเจ้าหน้าที่นักนักจิตวิทยา และเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์ สอบเข้มทั้งผู้เป็นพ่อ และแม่ของเด็ก โดยการแยกสอบ ใช้เวลากว่า 5 โมง กระทั่งพบพิรุธในตัวของแม่ของเด็ก ที่ให้การสับสน พูดจาวกวนร้องไห้ตลอดเวลา

ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา โดย พ.ต.อ.ธัชพิชัย จารย์วรานนท์ ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา พร้อมด้วย พ.ต.ท.รัชพล เจะซู รอง ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โกตาบารู และทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอรามัน จึงได้เร่งติดตาม ตรวจสอบพยานหลักฐาน พยานแวดล้อม พร้อมทั้งตรวจสอบเส้นทางจากกล้องวงจรปิด

จนกระทั่งสามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสามารถติดตามตัวเด็กทั้ง 2 ราย กลับมาสู่อ้อมกอดของผู้เป็นพ่อได้อย่างปลอดภัย เมื่อช่วงดึกของวันที่ 28 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา โดยเด็กทั้ง 2 ราย ยังมีอาการตกใจ และกลัวๆ ไม่ตอบอะไร จนกระทั้งพบผู้เป็นพ่อ อายุ 38 ปี ซึ่งมีอาชีพทำสวน เดินทางเข้ามาพบลูก


เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการเชิญตัว ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งหมด 8 ราย รวมทั้งผู้ที่เป็นแม่แท้ๆของเด็ก เพื่อทำการสอบสวนโดยละเอียดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนรู้เห็นเป็นใจ หรือไม่อย่างไร เตรียมดำเนินการในกระบวนการทางกฎหมายต่อไป ส่วนเด็กทั้ง 2 คน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปทำการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลรามัน พร้อมทั้งให้ทางเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์เข้าดูแลเพื่อทำการฟื้นฟูสภาพจิตใจต่อไป