“เศรษฐา”ยันไม่มีพลิกขั้วการเมือง ปมประธานสภาฯ ขอ “ก้าวไกล - เพื่อไทย” จับมือยึดมั่นฝ่ายประชาธิปไตย

“เศรษฐา” ยันไม่มีพลิกขั้วการเมือง ปมประธานสภาฯ ขอ “ก้าวไกล - เพื่อไทย” จับมือยึดมั่นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่มีอะไรหยุดยั้งการจัดตั้งรัฐบาลได้ เชื่อไม่มีอุบัติเหตุทางการเมืองมั่นใจ "พิธา” ได้เป็นนายกฯ



นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความขัดแย้งกัน ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเรื่องตำแหน่งประธานสภา จนก้าวไกลต้องยกเลิกนัดหมายหารือกันของสองพรรคในวันนี้ ว่าการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเย็นวานนี้ เป็นการย้ำในจุดยืน ที่พรรคเพื่อไทย ได้เคยเสนอไปตั้งแต่การเจรจาครั้งแรก ว่า ต่างฝ่ายต่างได้เก้าอี้ 14+1 แต่ยังไม่ได้ตกลงกัน ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนเจรจา แต่มั่นใจว่า เรื่องนี้จะจบลงด้วยดี ฝ่ายประชาธิปไตยต้องจับมือกันและตั้งรัฐบาล ส่วนเรื่องประธานสภา ยังพอมีเวลา 3-4 วัน เชื่อว่าจะออกมาด้วยดี ไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรหยุดยั้งการตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคร่วมได้



เมื่อถามว่า มีทัวร์ลงทุกครั้งไม่ว่าเพื่อไทย จะมีจุดยืนทางการเมืองแบบใด และกล่าวหาหนักไปจนขั้นว่าพรรคเพื่อไทย ทรยศ หักหลังประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมา นายเศรษฐา กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่ทรยศใคร และเราต้องเคารพเสียงของประชาชน รับฟังทุกเสียง แม้แต่เสียงความคิดเห็นของ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตอนนี้มีการพูดกันไปมาก แต่เรื่องสำคัญที่สุด คือ ธงหลักต้องไม่เปลี่ยน ฝ่ายประชาธิปไตย จับมือกันเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้ได้ จะได้มีรัฐบาลใหม่ เข้ามาร่วมกันบริหารประเทศ และแก้ปัญหาให้ประชาชน ยืนยันว่า การตกลงกันไม่ได้ ยืดเวลาช้าออกไป ไม่ใช่การแย่งตำแหน่งกันเอง เพราะการแข่งขันจบไปตั้งแต่การเลือกตั้ง 14 พฤษภาคมแล้ว และเซนต์เอ็มโอยูกันแลัว ทุกอย่างต้องเดินหน้าเชื่อว่าทั้งสองพรรคจะคุยกันรู้เรื่อง




เมื่อ มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการประกาศจุดยืนยึดเก้าอี้ประธานสภาของพรรคเพื่อไทยจะนำไปสู่การพลิกขั้วการเมืองหรือไม่ นายเศรษฐายืนยันว่า จะไม่มีพลิกขั้ว ตั้งรัฐบาลแน่นอน เพื่อไทยและก้าวไกล ก็จับมือกัน จนไปถึงปลายทางตั้งรัฐบาล แต่ระหว่างนี้ยังมีเวลาขอให้ใจเย็น เข้าใจว่าประชาชนและสื่อมวลชนก็มีความร้อนใจ ที่จะนำเสนอข่าว ข่าวก็มีแต่รายงานความคืบหน้า ซึ่งทุกอย่างยังไม่จบ แต่ข้อเท็จจริงยังไม่จบ คณะเจรจายังคุยกันอยู่ แม้ตนเองจะไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการเจรจา แต่เท่าที่ฟัง ก็ยังเห็นสองพรรคคุยกันด้วยดี



เมื่อถามถึงกรณีที่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา แคนดิเดตประธานสภาพรรคก้าวไกล ออกตัวแรง แสดงวิสัยทัศน์ ผ่านสื่อหากก้าวไกลจะกลับลำ ได้ หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าใช้คำว่าออกตัวแรง แต่เพราะพรรคก้าวไกล มีความชัดเจนมากกว่า เพราะมีการโหวตบุคคลที่เหมาะสมกันภายใน เป็นไปตามการบริหารของพรรค ไม่ได้ถือว่าเป็นการเสียหน้า ขอสื่ออย่ามองไปไกลขนาดนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคใดๆ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะจัดตั้งรัฐบาล และอย่าคิดว่าจะเป็นการเสียสละ ยกให้ หรือถอย แต่เป็นการคุยของฝ่ายเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน เป้าหมายคือ จับมือตั้งรัฐบาลด้วยกัน จึงค่อนข้างมั่นใจว่าไม่มีอะไร และย้ำว่าจะคุยกันรู้เรื่อง ถ้าตกลงแล้วจะออกมาทางใดทางหนึ่งเป้าหมายหลักก็ไม่เสีย และไม่กระทบกับการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทย ซึ่งหน้าที่ของตนเอง คือทำงาน แก้ปัญหาเชิงนโยบาย วันนี้ก็มาประชุมติดตาม ปัญหาน้ำ และภัยแล้ง ที่เหลือเวลาในการบริหารจัดการน้ำอีก 90 วัน ก่อนจะหมดฝน จึงต้องดูแลเรื่องน้ำให้ดี




เมื่อถามว่า ท้ายที่สุดพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกลจะต้องถอยหรือไม่ หรือสูตร ที่เพื่อไทยและก้าวไกลเคยคุยกันไว้จะต้องเปลี่ยนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าอย่าคิดว่าจะ เป็นการเสียสละ ยกให้ หรือเป็นการถอยอะไรสำหรับ การเจรจาในครั้งนี้ เพราะฝ่ายเดียวกันจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการจัดตั้งรัฐบาล และว่าคุยกันได้อยู่แล้ว เป้าหมายหลักจะไม่เสีย หลังการจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่า ส.ส. ในพื้นที่จะสามารถจัดการปัญหาช่วยเหลือประชาชนได้ ในส่วนอะไรที่ต้องบริหารจัดการที่ใช้รัฐมนตรีก็ต้องรอไปก่อน




เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายพิธา พร้อมเป็นนายกหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าไม่มีทาง และมั่นใจว่า นายพิธา จะได้รับฉันทามติ โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน