ตา-ยาย พิการ ลูกมีแฟนใหม่ ทิ้งหลาน 2 คนไว้ให้เลี้ยง บ้านผุพัง ใช้เบี้ยคนพิการประทังชีวิต

สุดเวทนา ตา – ยาย ชาวเพชรบูรณ์ ต้องเลี้ยงหลาน 2 คน ตามลำพังท่ามกลางบ้านผุพัง หลังคารั่ว  ยายพิการทางสายตา 1 ข้าง ตาเดินไม่แข็งแรง ตามองไม่ค่อยเห็น เผย ลูกไปมีแฟนใหม่ ต้องใช้เบี้ยคนพิการประทัง 4 ชีวิต

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 26 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านเขาคณาผาแดง หมู่ 10 ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ว่ามีสองตายายตาพิการเลี้ยงหลานสาวสองคน บ้านพังฝนตกหลังคารั้วฝาบ้านใช้ไม้ไผ่ทำผุพังยายตาพิการ ส่วนตาสามีตามองไม่เห็น แถมสมองกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ เดินไปไหนมาไหนไม่สะดวกความเป็นอยู่ลำบาก

ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านแห่งหนึ่งในบ้านเขาคณาผาแดง ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ พบ นางแพงศรี โคกศรี อายุ 68 ปี พร้อมด้วยหลานสาวสองคน คนโต ชื่อ เด็กหญิงสุภาวิตา หรือ น้องมายด์ สิงห์โต อาย 13 ปี เรียนอยู่โรงเรียนเสรีศึกษาชั้น ม.1 และ เด็กหญิงแพพิไล จุมวัน อายุ 7 ปี เรียนอยู่โรงเรียนบ้านนคลองห้วยนาพัฒนาการ และพบนายตา จุมวัน อายุ 77 ปี สามี ร่างกายไม่แข็งแรงจากสาเหตุประสบอุบัติเหตุจากขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งหลานไปโรงเรียนนอนให้ยายและหลานคอยดูแล


ทั้งนี้นางแพงศรี โคกศรี ผู้เป็นยายเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนมีลูกสาวชื่อ น.ส วิภา จุมวัน มีสามี ชื่อ นายเสา สิงโต มีลูกชื่อ ด.ญ.สุภาวิตา หรือน้องมายด์ ต่อมาทั้งสองได้แยกทางกันลูกสาวไปทำงานที่กรุงเทพฯ ทิ้งหลานให้ตนเลี้ยงดูและไปมีสามีใหม่มีหลาน 1 คนชื่อ ด.ญ.แพพิไล จุมวันได้นำลูกมาให้ตนเองเลี้ยงอีกหนึ่งคน ทุกวันนี้ตนเองซึ่งตาพิการข้างขวามองไม่เห็นมาแต่กำเนิด

ส่วนสามีนายตา จุมวัน สายตาข้างขวามองไม่ค่อยเห็นแถมสุขภาพร่างกายขาเดินไม่ค่อยได้ ทุกวันอาศัยตนและหลานคอยดูและหุงหาอาหารซักผ้าถูกบ้าน อาศัยเงิน คนพิการ จำนวน 1,000 บาท เงินผู้สูงอายุ 600 บาท และ สามีได้เงินผู้สูงอายุ 700 บาท ประทังชีวิตทั้ง 4 คน

ส่วนตัวบ้านมีลักษณะเป็นกระท่อมหลังคารั่ว ผาบ้านผุพังเพราะเป็นไม้ไผ่ อยากจะวอนเมตตา ผู้ใจบุญช่วยซ่อมแซมเพียงต้องการ มีสังกะสีสักประมาณ 2 หาบ ไม้แปรไม้จันทัน งบประมาณ ประมาณสองหมื่นบาทเท่านั้นก็พอ